ภัยใกล้ตัวจาก...โทรศัพท์มือถือ


ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ใช้ติดต่อสื่อสาร มีตัวเลือกที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ใช้ทุกรูปแบบ อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายรูป คาราโอเกะ เกมออนไลน์ จนกลบกระแสเรื่องผลกระทบจากมือถือ

มีรายงานทางการแพทย์หลายครั้งระบุว่า การใช้โทรศัพท์มือถือ ทำให้เป็นมะเร็งได้ ซึ่งเกิดจากการนำโทรศัพท์มือถือใส่ไว้บริเวณกระเป๋าเสื้อ เป็นได้ทั้งชายและหญิง ที่สำคัญ คลื่นจากโทรศัพท์มือถือมีผลต่อสมองและสายตาด้วย ที่ต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่ที่อาจระเบิดได้

พ.อ.น.พ.สุรเดช จารุจินดา แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า โทรศัพท์มือถือใช้แนบไว้ที่หูครั้งละนานๆ เป็นเวลาหลายปี จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้โดยตรง โดยมีรายงานการวิจัยในหลอดทดลองว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการรับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีความถี่อยู่ในช่วงคลื่นไมโครเวฟทำให้เกิดความร้อน และทำร้ายเซลล์ภายในเนื้อเยื่อบริเวณ หู ตา และสมอง

ผลกระทบในระยะสั้น ผู้ที่ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือจะทำให้เกิดอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว มึนงง ขาดสมาธิ และเครียดเนื่องจากระบบพลังงานในร่างกายถูกรบกวน

ผลในระยะยาว อาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม เนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลาย เกิดโรคมะเร็งสมองเนื่องจากเนื้อเยื่อสมองมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมไปจากปกติ และทำให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

จากรายงานยังระบุว่า การใช้โทรศัพท์มือถือในเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ขวบ จะมีผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถผ่านกะโหลกศีรษะของเด็กเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองได้ลึกกว่าของผู้ใหญ่ รวมทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเติมน้ำมัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ได้ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดประกายไฟที่จุดติดไฟกับน้ำมันได้

วิธีการป้องกัน ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องคุยนานให้สลับหูซ้ายหูขวา ควรใช้อุปกรณ์ Small talk หรือ hand fred ทุกครั้งเมื่อใช้โทรศัพท์มือถือ หลีกเลี่ยงการให้เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบใช้โทรศัพท์มือถือ หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ขณะเติมน้ำมันรถยนต์ และปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเข้าไปในบริเวณที่มีการรับจ่ายน้ำมันและก๊าซ ไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง หรือคาดเอว หรือแขวงไว้ช่วงหน้าอก เพราะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาจากเครื่องตลอดเวลา อาจทำให้เป็นมะเร็งเต้านมและเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้
ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น