แก้Error E2 E4 E5 Cannon MP145 MP150 MP160


ผมไปเอามาจากคนอื่นอีกทีนะครับ เห็นว่าได้ผลครับ.....
1.ถอดปลั๊คเครื่องปรินออก
2.กดปุ่มpower ค้างไว้ แล้วเสียปลั๊คอีกครั้ง
3.กดปุ่ม stop/reset 2 ครั้ง แล้วปล่อยปุ่มpower พร้อมกัน
4.หน้าจอจะขึ้น เลย 0 ให้กดที่ปุ่ม + 1ครั้ง หน้าจอจะขึ้นเลข 1
5.กดปุ่ม startcolor 2 ครั้ง แล้วกดปุ่ม power 1 ครั้ง รอกระดาษปรินเทสออกมา 2 แผ่น
6.เปิดฝาปริ้น รอหัวพิมพ์เลื่อนมาทางด้านซ้าย ถอดปลั๊กไฟออก แล้วถอดตลับหมึกออก ทั้ง สีและดำ ออก
7.ปิดฝาเครื่องปริ้น เสียบปลั๊ก แล้วเปิดเครื่อง
8.เครื่องจะเรียกหาตลับหมึก ให้ใสเหมือนเดิม แล้วปิดฝา หน้าจอจะขึ้นเลข 1
9.OK พร้อม สามารถใช้งานได้แล้วครับ

ได้ผลอย่าไร หรือมีข้อแนะนำ ช่วยบอกด้วยนะครับ
แถมความหมายครับ เอามาจากที่อื่น อีกทีครับ
รหัส Error และความหมายค่ะ

(ไปรวบรวมมาจาก Internet ก็ต้องขอขอบคุณผู้ที่นำความรู้มาแบ่งปันกันด้วยนะค่ะ )



*** E2 = ตลับหมึกพิมพ์ไม่เข้าตำแหน่ง Home


......( กรณีติด Ink Tank สายนำน้ำหมึกอาจตึงเกินไป )


*** E3 = กระดาษติด

.....( เอากระดาษออก กดปุ่ม Color/จะทำงานต่อ หรือ Stop/ยกเลิกการทำงาน )


*** E4 = ตลับหมึก ดำ(PG 40/830) สี(CL 41/831) สีใดสีหนึ่งหมด หรือหมดทั้ง 2 ตลับ


*** E5 = ตลับหมึก ดำ(PG 40/830) สี(CL 41/831) Error หรือเสีย



*** E8 = ถังขยะใกล้เต็ม ( ใช้โปรแกรมเคลียร์ )



*** E14/E15 เครื่องไม่สามารถติดตั้งหัวพิมพ์ได้


.....( ถอดตรวจสอบทำความสะอาดแผงวงจรที่หัวพิมพ์ แล้ว Reset Error )


*** E16 Protection Error ( เคลีย Error )


*** E22 = ตลับหมึก error


*** E23 = ฟีดกระดาษ error


*** E24 = purge unit error


*** E25 = ASF (cam) sensor error


*** E26 = เกิดความร้อนหรืออุณภูมิภายในสูงขึ้น

*** E27 =ซับหมึกใกล้เต็ม


*** E28 =อุณภูมิตลับหมึกสูงเพิ่มขึ้น มีข้อผิดพลาดจากน้ำหมึกขาดหรือไม่มีน้ำหมึกในตลับ


*** E42= ชุดสแกนมีปัญหา

.............(แบบนี้ส่งซ่อมอย่างเดียวเลยง่ายดี แต่เสียเงินนะ)

วันลอยกระทง



วันลอยกระทง เป็นวันเทศกาลสำคัญ วันหนึ่ง ของคนไทย ซึ่งจะมีขึ้นใน วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 เป็นช่วงที่อากาศโปร่งใสสบาย และสิ้นสุดฤดูฝนแล้ว นอกจากนี้ ระดับน้ำ ในแม่น้ำ ลำคลอง ทั่วทั้งประเทศ ก็มีระดับสูงด้วย


คำว่า "Loy" ก็คือ "ลอย" และคำว่า "กระทง" นี้ หมายถึง กระทง รูปดอกบัว ทำด้วยใบตอง และในกระทง ส่วนใหญ่ ก็จะใส่ เทียนไข ธูป 3 ดอก ดอกไม้ และ เงินเหรียญ

ความจริงแล้ว เทศกาลนี้ แต่เดิมเป็น พิธี ทางศาสนาพราหมณ์ ซึ่งประชาชนต้องการแสดง ความขอบคุณต่อเจ้าแม่คงคา ดังนั้น คืนเดือนเพ็ญ ประชาชนจึงจุดเทียนและธูป พร้อมกับ ตั้งจิตอธิษฐาน แล้วจึงลอยกระทง

ในลำคลอง แม่น้ำ หรือแม้แต่ สระน้ำเล็กๆ เป็นที่เชื่อกันว่า กระทงนี้ จะพาไปซึ่ง บาปและความโชคร้าย ทั้งมวลออกไป นอกจากนี้ การตั้งจิตอธิษฐาน ก็เพื่อปีใหม่ ที่กำลังจะมาถึง แน่นอนที่สุด ช่วงนี้เป็น เวลาแห่ง ความรื่นเริง และ สนุกสนาน เพราะได้ลอยความเศร้าโศกต่างๆ ออกไปแล้ว

เทศกาลลอยกระทง จะเริ่มในช่วงเย็น เมื่อพระจันทร์เต็มดวง ประชาชนจาก ทุกสาขาอาชีพ จะนำกระทงของตน ไปยังแม่น้ำ ที่ใกล้ๆ หลังจาก จุดเทียนไข และธูปแล้ว จึงตั้งจิตอธิษฐาน ในสิ่งที่ ตนปรารถนา แล้วจึงค่อยๆ วางกระทงลงในน้ำ แล้วปล่อยให้ กระทงลอยไปจนสุดลูกตา

การประกวด สาวงาม ก็เป็น ส่วนสำคัญของ เทศกาลนี้ เช่นกัน แต่ว่า ในโอกาส เช่นนี้ เราเรียกว่า "ประกวดนางนพมาศ"

นางนพมาศ เป็นสตรีใน ตำนานครั้ง กรุง สุโขทัย ตามหลักฐาน กล่าวว่า นางนพมาศ เป็นสนมเอก ของพระเจ้า กรุงสุโขทัย พระนาม ว่า "ลิไท" กล่าวกันว่า นางนพมาศ เป็นคนแรก ที่ทำกระทง ประดับประดา สวยงาม เพื่อลอยใน ลำน้ำ ในโอกาสนี้

ในกรุงเทพมหานคร สถานที่ใหญ่ๆ เช่น โรงแรมชั้นนำ และสวนสนุก จะจัดเทศกาล ลอยกระทงขึ้น พร้อมทั้งจัดให้มี การประกวด กระทงประจำปี ด้วย

สำหรับผู้มาเยือนประเทศไทย เทศกาลลอย กระทงนี้ เป็นโอกาสที่ไม่ควรจะพลาด และเทศกาลนี้ จัดไว้ไนปฏิทินการท่องเที่ยวด้วย ทุกๆคนสามารถ เข้าร่วมสนุกสนานรื่นเริงได้


ที่มาจาก http://sunsite.au.ac.th/thailand/special_event/loykratong/index.html

15 วิธีคลายร้อน...ดีดีมาแล้ว


1.เดิน นั่งเล่น ทานอาหาร ห้างสรรพสินค้า ได้แอร์โดยไม่ต้องเปิดแอร์เองที่บ้าน หาเก้าอี้สาธารณะแล้วนำอาหารไปทานเองจากบ้านก็ได้ ไม่เปลืองสตังค์ มาถึงยุคนี้แล้ว ไม่ต้องอายค่ะ ทำไปก่อนค่ะ เดี๋ยวมีคนทำตามเพียบ!

2.เข้าโรงหนัง ระหว่างนั่งรอหนังเข้า ก็เอามือถือมาเปิด oknation wap เล่นบล็อกซะ

3.เข้าไปนั่งอ่านหนังสือ ทำงานที่ห้องสมุดที่เปิดแอร์อยู่แล้ว

4.ไปนั่งพักผ่อนใต้ต้นไม้ ตามสวนสาธารณะ สถานที่คุ้นเคย มีคนรู้จักแถบนอกเมือง

5.หยุดวันสองวันก็ปิดบ้านหนีร้อนไปเที่ยวน้ำตก หรือทะเลบ้าง

6.อาบน้ำบ่อยๆ นอนแช่น้ำให้คลายร้อน (โดยไม่ต้องใช้เครื่องทำน้ำอุ่น)

7.ทาแป้งเย็น หรือประดินสอพอง ให้ตัวลายพร้อย เปิดหน้าต่างรับลม

8.เอาผ้าขนหนูผืนเล็กๆชุบน้ำแช่ในช่องแข็ง หรือแช่เย็นไว้หลายๆผืน ควรหาอะไรใส่หุ้มไว้ทุกผืน ป้องกันไม่ให้ติดกัน หรือเปรอะเปื้อน เอาออกมาเช็ดหน้า เช็ดตัว พาดไว้ที่คอ คลายร้อนได้ดี

9.ซื้อถาดทำน้ำแข็งไว้เยอะๆ ทำน้ำแข็งใส่ที่เก็บน้ำแข็งไว้ให้มีใช้ตลอดเวลา

10.ทำน้ำเย็นใส่กระติกไว้ทาน (เหยาะน้ำยาอุทัย สักนิดให้ชื่นใจก็ได้) ใส่กระติกใบเล็กสำหรับพกออกไปนอกบ้าน ไม่ต้องไปซื้อน้ำเย็น น้ำแข็งใสที่ไหน

11.ทำไอศครีมหรือหวานเย็นทานเอง จะใช้น้ำผลไม้คั้นสดๆ (คั้นด้วยมือ) ผสมน้ำผึ้ง น้ำเชื่อม เกลือนิดหน่อย หรือ ใช้น้ำแข็งทุบละเอียดใส่น้ำหวาน

12.พื้นบ้านหลังจาก ถูด้วยผ้าเปียกใหม่ๆจะรู้สึกเย็นสบาย วันนี้คุณถูบ้านหรือยัง?

13.เอาผ้าชุบน้ำ หรือถุงผ้าชุบน้ำใส่น้ำแข็ง แขวนไว้หน้าพัดลม ก็เย็นเหมือนเปิดแอร์ (ถ้าขี้เกียจเดินเอาผ้าไปชุบน้ำบ่อยๆ ให้ใช้ผ้ายาวหน่อย จับปลายด้านล่างแช่น้ำ หรือน้ำแช่น้ำแข็งในถังวางไว้หน้าพัดลมเลยค่ะ)

14.ทำราวแขวนผ้าในบ้าน ย้ายผ้าสะอาดๆที่หมาดแล้วมาตากในบ้าน ให้พัดลมพัดเฉี่ยวๆเอาลมเย็นมาปะทะตัวเรา

15.ใส่เสื้อผ้าที่ทำจากใยธรรมชาติ งดผ้าที่ทำจากใยสังเคราะห์

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ท่านอนแบบไหน...ถึงจะนอนหลับสบายถึงเช้า


การนอนเป็นการพักผ่อนที่ดีที่สุด โดยเฉพาะเวลาที่เรารู้สึกอ่อนเพลีย เมื่อยล้า....
ท่านอน ถือเป็นท่าที่หมอนรองกระดูกสันหลังรับแรงน้อยที่สุด บางคนเมื่อศีรษะถึงหมอนก็หลับสบายจนถึงเช้า อาจไม่สนใจว่าตนเองจะนอนท่าไหน รู้ตัวอีกทีตื่นมาตอนเช้าพบว่าเกิดอาการปวดหลัง หรือหันหน้าซ้ายขวาไม่ได้เลย จนต้องรีบไปหาหมอ
ท่านอนของแต่ละคนจะแตกต่างกันออกไป บางคนชอบนอนหงาย บางคนก็ชอบนอนตะแคง หรือบางท่านอาจชอบนอนคว่ำ แล้วท่าไหนละ! ที่นอนแล้วสบายที่สุด

ท่านอนหงาย คนทั่วไปนิยมนอนท่านี้ เพราะเป็นท่านอน มาตรฐาน การนอนหงายที่เหมาะสมควรใช้หมอนต่ำ และต้นคอควรอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว เพื่อไม่ให้ปวดคอ ท่านอนหงายไม่เหมาะกับผู้ป่วยโรคปอด และโรคหัวใจ เพราะกล้ามเนื้อกะบังลมจะกดทับปอด ทำให้หายใจไม่สะดวก ส่งผลทำให้การทำงานของหัวใจลำบากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ผู้ที่มีอาการปวดหลัง การนอนหงายในท่าราบจะทำให้อาการปวดรุนแรงขึ้นด้วย
ท่านอนหงาย โดยมีหมอนหนุนใต้ข้อเข่า ให้ข้อสะโพกงอเล็กน้อย ท่านี้ถือว่าเป็นท่านอนที่เหมาะ หรือเป็นท่าที่ลดแรงกดของหลังได้ดี ส่วนที่ศีรษะควรมีหมอนเตี้ยๆ นุ่มๆ หนุนให้รู้สึกสบาย
ท่านอนตะแคงขวา เป็นท่านอนที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับท่าอื่น เพราะจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก อาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย

ท่านอนตะแคงขวา เป็นท่านอนที่ดีที่สุดเมื่อเทียบกับท่าอื่น เพราะจะช่วยให้หัวใจเต้นสะดวก อาหารจากกระเพาะจะถูกบีบลงลำไส้เล็กได้ดี ทั้งยังช่วยบรรเทาอาการปวดหลังได้เป็นอย่างดีอีกด้วย
ท่านอนตะแคงซ้าย เป็นท่าที่ช่วยลดอาการปวดหลังได้แต่ควรกอดหมอนข้าง และพาดขาไว้เพื่อป้องกันอาการชาที่ขาซ้าย จากการนอนทับเป็นเวลานาน แต่ท่านอนตะแคงซ้ายอาจทำให้เกิดลมจุกเสียดบริเวณลิ้นปี่ เนื่องจากอาหารที่ยังย่อยไม่หมดในช่วงก่อนเข้านอนคั่งค้างในกระเพาะอาหาร
ท่านอนตะแคง หากได้งอเข่าข้างหนึ่ง และมีหมอนข้างกอดไว้ หรือจะงอเข่าทั้งสองข้างในท่าคู้ตัวก็ได้ สำหรับหมอนที่ใช้หนุนในท่านี้ควรมีความหนามากพอที่จะให้ศีรษะอยู่ในแนวเดียวกันกับลำตัว หากใช้หมอนเตี้ยเกินไป ศีรษะจะเอียงลงหรือหาหมอนที่มีความสูงเท่าหรือใกล้เคียงกับระยะจากระดับด้านข้างของศีรษะไปถึงแนวระดับไหล่ เมื่อหนุนแล้ว จึงทำให้แนวของกระดูกสันหลังส่วนคออยู่ในแนวเดียวกับกระดูกสันหลังส่วนอกและส่วนเอว
ท่านอนคว่ำ เป็นท่านอนที่ทำให้หายใจติดขัด ปวดต้นคอ เพราะต้องเงยหน้ามาทางด้านหลัง หรือบิดหมุนไปข้างใดข้างหนึ่ง เป็นเวลานาน ถ้าจำเป็นต้องนอนคว่ำจึงควรใช้หมอนรองใต้ทรวงอก เพื่อป้องกันอาการปวดเมื่อยต้นคอ
โดยท่านอนคว่ำนี้ถือว่าเป็นท่านอนที่ไม่ดี เพราะการนอนคว่ำนั้นจะทำให้กระดูกสันหลังส่วนเอวโค้งไปทางด้านหน้ามากขึ้น นอกจากนี้ เวลาเรานอนคว่ำก็ต้องตะแคงหน้าไปทางด้านใดด้านหนึ่ง ซึ่งจะทำให้กระดูกต้นคอบิดไปด้วย
นอกจากเรื่องของท่านอนที่เป็นสาเหตุของอาการปวดหลังแล้ว องค์ประกอบอื่นๆ อย่างหมอนหรือที่นอนก็มีส่วนสำคัญต่อสุขภาพหลังของคนเราด้วยเช่นกัน

เหล่านี้เป็นเพียงองค์ประกอบในการนอน ที่จะช่วยป้องกันและรักษาอาการปวดหลังแต่ถ้าหากสาเหตุการปวดหลังของคุณเกิดจากอุบัติเหตุหรือเกิดจากโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ หรือแม้กระทั่งจากความเครียด คุณก็คงต้องปรึกษาแพทย์ เพื่อหาสาเหตุและให้การรักษาที่ถูกต้องต่อไปนะ
ที่มาจาก :ข้อมูลจาก : สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ สสส.

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

บทความดีดี...ที่มีไว้เตือนสติ


1.จริงอยู่ มีมิตรภาพความเป็นเพื่อนนั้นไม่มีวันหมด แต่คุณอาจลืมไปว่าเปลี่ยนแปลงได้
2.เมื่อคุณตระหนักว่า ไม่มีใครช่วยคุณ ในเวลาที่คุณมีความสุกข์ ไม่มีใครดีใจอย่างจริงใจกับคุณ ยามเมื่อคุณมีความสุข เมื่อนั้นคุณเรียนรู้ที่จะหาเพื่อนแท้ให้กับชีวิตคุณได้แล้ว
3.อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ปล่อยความเจ็บปวดความทรมานที่ได้ประสบ ผ่านไปกับอดีตด้วย
4.อย่าละเลยและเพิกเฉยต่อคนที่คุณชอบพอ เพราะมัวคิดว่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ชีวิตคนเราแสนสั้นนะคุณ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้
5.คุณไม่ได้ตายจากความเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมา แต่มันทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น
6.อย่าให้ชีวิตขึ้นกับคนอื่น เพื่อทำให้คุณมีความสุข
7.ชีวิตแต่งงานและครอบครัว เป็นเรื่องสำคัญ จงอย่ารีบร้อนในการตัดสินใจ
8.แสดงความชื่นชมกับคนที่คุณรักและห่วงใย ในทุก ๆ วัน ไม่ใช่แค่วันหยุดหรือวันเกิด
9.ผู้คนผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ ทั้งด้วยเหตุผลและด้วยโอกาส ซึ่งนำพาทั้งความสุขและบทเรียนมาให้คุณ
10.เมื่อใดก็ตามที่ผิดหวัง จงมองโลกในแง่ดีเข้าไว้

อ่านข้อคิดดีดี 10 ข้อ แล้วอย่าลืมนำไปเตือนใจตัวเองด้วยนะครับ

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com