บทความดีดี...ที่มีไว้เตือนสติ


1.จริงอยู่ มีมิตรภาพความเป็นเพื่อนนั้นไม่มีวันหมด แต่คุณอาจลืมไปว่าเปลี่ยนแปลงได้
2.เมื่อคุณตระหนักว่า ไม่มีใครช่วยคุณ ในเวลาที่คุณมีความสุกข์ ไม่มีใครดีใจอย่างจริงใจกับคุณ ยามเมื่อคุณมีความสุข เมื่อนั้นคุณเรียนรู้ที่จะหาเพื่อนแท้ให้กับชีวิตคุณได้แล้ว
3.อดีตเป็นสิ่งที่ผ่านมาแล้ว ปล่อยความเจ็บปวดความทรมานที่ได้ประสบ ผ่านไปกับอดีตด้วย
4.อย่าละเลยและเพิกเฉยต่อคนที่คุณชอบพอ เพราะมัวคิดว่าปล่อยให้ความสัมพันธ์ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ชีวิตคนเราแสนสั้นนะคุณ จะตายวันตายพรุ่งก็ยังไม่รู้
5.คุณไม่ได้ตายจากความเจ็บปวดในชีวิตที่ผ่านมา แต่มันทำให้คุณเข้มแข็งขึ้น
6.อย่าให้ชีวิตขึ้นกับคนอื่น เพื่อทำให้คุณมีความสุข
7.ชีวิตแต่งงานและครอบครัว เป็นเรื่องสำคัญ จงอย่ารีบร้อนในการตัดสินใจ
8.แสดงความชื่นชมกับคนที่คุณรักและห่วงใย ในทุก ๆ วัน ไม่ใช่แค่วันหยุดหรือวันเกิด
9.ผู้คนผ่านเข้ามาในชีวิตของคุณ ทั้งด้วยเหตุผลและด้วยโอกาส ซึ่งนำพาทั้งความสุขและบทเรียนมาให้คุณ
10.เมื่อใดก็ตามที่ผิดหวัง จงมองโลกในแง่ดีเข้าไว้

อ่านข้อคิดดีดี 10 ข้อ แล้วอย่าลืมนำไปเตือนใจตัวเองด้วยนะครับ

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

"แนะนำ 10วิธีคลายเครียดที่น่ารู้"



เราได้ให้ความรู้และข้อมูลเกี่ยวกับอาหารที่มีประโยชน์มาหลายสัปดาห์แล้วนะครับ พักเรื่องอาหารกันสักนิด วันนี้มีวิธีที่จะคลายความเครียดมาแนะนำเพื่อให้เรามีสุขภาพดีทั้งกายและใจ ดีไหมครับ

1. ออกกำลังกาย -- ใครๆก็พูดได้ว่าออกกำลังกายซิ แต่น้อยคนนักที่จะทำให้เป็นกิจวัตร ได้ เนื่องจากไม่มีเวลา ไม่สะดวกเรื่องการเดินทาง ตื่นเช้าไม่ไหว อุปกรณ์แพง ฯลฯ ความจริงแล้วคุณควรจะหาเวลาของแต่ละวันอย่างน้อย 30 นาที ในการออกกำลังกาย โดยเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับคุณที่สุด ถ้าคุณไม่ต้องการสิ้นเปลืองกับค่าอุปกรณ์ คุณก็น่าจะเลือกการวิ่งหรือเดิน หากเป็นสูงอายุหรือเป็นผู้ที่ไม่ต้องการการกระแทก ว่ายน้ำ,โยคะ, ไทชิ ,หรือ พาลาทีส์ ก็อินเทรนน์ ไม่เลวนะครับ หากอยากมีแรงจูงใจในการออกกำลังกาย ขอแนะนำกีฬาที่เล่นเป็นหมู่คณะอันได้แก่ แบตมินตัน กอลฟ์ ฟุตบอล หรือ เทนนิสที่กำลังฮิตอยู่ในขณะนี้
กีฬาจะทำให้เราได้ระบายออกซึ่งแรงขับของจิตใจในด้านต่างๆ เช่น ความคับข้องใจ ความโกรธ ความเสียใจ ไม่พอใจ แถมยังได้สารสื่อความสุขหรือสารเอนโดฟินกลับมาด้วยแล้วคุณก็จะรู้สึกสดชื่นและหลับสบายอีกด้วยครับ
2. พูดระบายความเครียด -- พูดครับ ระบายความเครียดออกมาเลย แต่ต้องเลือกบุคคลที่คุณคิดว่า ปลอดภัย หวังดี ไม่มีพิษภัยกับตัวคุณ และควรมีความอดทนสูงในการฟัง หรือถ้าหาไม่ได้ก็นี่เลยครับ สัตว์เลี้ยงต่างๆไม่ว่าจะเป็น หมา แมว ปลาทอง จิ้งจก แมลงต่างๆก็ได้ ระบายให้มันฟัง (แต่อย่าลืมปิดประตูลงกลอนด้วย มิเช่นนั้น คนอื่นมาพบเข้าจะหาว่าคุณบ้าพูดคนเดียว) เพราะเวลาที่เราได้ระบายออก เท่ากับเราได้ทบทวนตัวเองไปด้วย นอกจากนี้ยังมีบริการให้คำปรึกษาแนะนำทางโทรศัพท์จากหน่วยงานต่างๆ ให้บริการด้วยครับ

3. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ -- การนอนหลับพักผ่อนช่วยให้คุณสดชื่นขึ้นได้มาก เหมือนได้ชาร์จแบตเตอรี่ในร่างกายใหม่ แต่ควรเตรียมความพร้อมในการนอนหน่อยนะครับ โดยเลือกสถานที่และเครื่องนอนสะอาด อากาศถ่ายเทสะดวก อุณหภูมิพอเหมาะ มีเสียงหรือแสงที่รบกวนคุณไม่มากนัก โดยกำหนดจิตใจก่อนนอนว่า ให้เราสดชื่น ผ่อนคลาย เอาเรื่องเครียดปัญหาต่างๆ วางไว้นอกตัว ไม่เอามาคิดตอนนอน แล้วหลับโลดครับ

4. อาหารคลายเครียด -- กลับมาเรื่องอาหารกันซักนิด อย่างที่เคยบอกไปแล้วนะครับว่าอาหารสามารถลดความเครียดของคุณได้ด้วย วันนี้จะมาย้ำอีกครั้งนะครับ อาหารที่ช่วยคลายเครียดให้คุณได้อย่างดี ได้แก่
1.- ทริปโตฟาน (1-2 กรัม ก่อนนอน) พบได้ใน ไข่ ถั่วเหลือง นมวัว เนื้อสัตว์
2.- วิตามินบี 6 (40 มิลลิกรัมต่อวัน) พบในธัญพืชต่างๆ ยีสต์ รำข้าว เครื่องใน เนื้อ ถั่ว ผัก
3.- วิตามินบี 3 (1,000 มิลลิกรัมต่อวัน) พบใน ตับ เครื่องใน เนื้อ เป็ด ไก่ ปลา ถั่ว ยีสต์
3.- สารอาหารอื่นๆ เช่น แคลเซียม กระเทียม ดอกไม้จีน

5. พักผ่อนท่องเที่ยว -- ข้อนี้ขอ Confirm ว่าจริงครับ เพราะคนเราก็เหมือนเครื่องยนต์ ต้องการช่วงพักไปทำการ reboot ใหม่ การที่ได้ไปท่องเที่ยวเห็นบรรยากาศทิวทัศน์สวยงามแปลกหูแปลกตา ไปเจอผู้คน ก็ช่วยกระตุ้นมุมมองชีวิตใหม่ๆ ฝรั่งเขาถึงมีช่วงพักร้อนยาว และให้ความสำคัญอย่างมาก วางแผนล่วงหน้ายาวทีเดียว เมื่อถึงเวลาก็ไปพักผ่อนทันที เมื่อกลับมาจากการท่องเที่ยวแล้ว คุณก็จะกลับมาทำงานอย่างมีประสิทธิภาพครับ


6. ดนตรีคลายเครียด -- หลายคนคงเคยได้ยินเกี่ยวกับการรักษาโรคด้วยดนตรีหรือดนตรีบำบัดมาแล้วนะครับ ทั้งนี้ก็เพราะดนตรีช่วยทำให้คุณอารมณ์เยือกเย็นลง ผ่อนคลาย ใจสงบ ดนตรีบำบัดมีทั้งเพลงบรรเลงด้วยเครื่องดนตรีชนิดเดียวหรือหลายชนิด เพลงที่มีเสียงคลื่นทะเล เสียงนก เสียงน้ำไหล ฯลฯ หากคุณได้ปิดไฟ จุดเทียน และฟังเพลงเบาๆ หลังจากนั้นก็หลับไปแล้วละก็ ตื่นขึ้นมาน่าจะสดใสหายเครียดได้เยอะเลยล่ะครับ

7. กลิ่นบำบัดอโรมาเทอราปี -- วิธีต้องแนะนำไว้ด้วย เดี๋ยวout ครับ กลิ่นเป็นอีกสิ่งหนึ่งของการรับรู้ทางสัมผัสที่สื่อถึงอารมณ์และความรู้สึกได้ดี คุณอาจลองจุดธูปหอมกลิ่นที่สดชื่น หรือหยดน้ำมันหอมระเหย ในขณะนอนหรือทำงานเพื่อผ่อนคลายไปด้วย หรือจะแช่น้ำอุ่นๆ ก็ไม่เลวครับ กลิ่นที่เหมาะสมแล้วแต่ชอบและรู้สึกผ่อนคลาย โดยเลือกจากการดมว่ากลิ่นไหนทำให้รู้สึกดี ให้พลัง หรือช่วยผ่อนคลาย กลิ่นที่น่าสนใจ เช่น กลิ่นไม้จันทน์หอม กลิ่นกำยาน สำหรับผ่อนคลาย กลิ่นการบูน กลิ่นส้ม กลิ่นมะนาว สำหรับสร้างความสดชื่น

8. ฝึกหายใจคลายเครียด -- การหายใจช่วยนำอากาศบริสุทธิ์ เข้าสู่ปอด แล้วเดินทางสู่สมองไปตลอดทั่วร่างกาย ลองหายใจโดยการหายใจเข้าลึกๆ ช้าๆ สังเกตว่ากระบังลมขยายออก ท้องป่องออก จากนั้นค่อยๆ หายใจออกช้าๆ ไล่ลมให้ออกมากที่สุด ตอนนี้กระบังลมคุณจะหดสั้นลง ท้องจะแฟบ ถ้าช่วงแรกไม่ถนัดก็เอามือแตะท้องเพื่อปรับและเข้าใจสภาพป่องแฟบของท้องจากการหายใจก่อนแล้วฝึกไปเรื่อยๆ
9. ฝึกการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ -- โดยนำเอาหลักการฝึกหายใจมาประยุกต์ใช้ร่วมด้วย เริ่มด้วยการนั่งหรือนอนในท่าสบายๆ จากนั้นค่อยๆ เกร็งกล้ามเนื้อส่วนต่างๆ ขึ้นมาโดยอาจไล่จากปลายเท้า ข้อเท้า น่อง ต้นขา ลำตัว แขน มือ นิ้ว ไหล่ คอ ศีรษะ และใบหน้า เกร็งไว้สักอึดใจหนึ่ง จากนั้นค่อยๆ ผ่อนคลายย้อนกลับไปโดยเริ่มจากใบหน้า จนถึงปลายเท้า คุณสามารถใช้การฝึกผ่อนคลายกล้ามเนื้อในยามที่รู้สึกตึงเครียด อึดอัด ไม่สบายใจ หรือแม้แต่ยามที่คุณต้องการให้สมาธิกลับคืน

10.คลายเครียดด้วยการนวด -- ปัจจุบันมีคนสนใจการนวดอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น นวดแผนไทย นวดเท้า นวดน้ำมัน นวดรักษาโรคเฉพาะที่ ทำให้มีสถาน บริการเกี่ยวกับการนวดหรือ Spa เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด การนวดเป็นการผ่อนคายกล้ามเนื้อและทำให้เลือดลมสูบฉีด ทำให้ผู้ที่ถูกนวดรู้สึกผ่อนคลายและสบายมากยิ่งขึ้น การนวดน้ำมันยังทำให้มีผิวพรรณที่ดีอีกด้วย

ทางออกของความเครียดยังมีอีกมากมายครับ แต่10วิธีที่แนะนำนี้เป็นวิธีที่ทำได้ง่าย ปลอดภัยด้วยวิธีธรรมชาติครับ ความเครียดเป็นสิ่งที่ห้ามกันไม่ได้ สิ่งที่คุณทำได้คือ มีสติ หากรู้ว่าตัวเองเริ่มเครียดแล้วก็ต้องหยุดแล้วลองใช้10วิธีที่แนะนำมาใช้นะครับ
ที่มา: ข้อมูลจาก บทความ วิถีทั้ง 9 แห่งการคลายเครียด ของ นพ. พนมทวน ชูแสงทอง

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ภัยใกล้ตัวจาก...โทรศัพท์มือถือ


ปัจจุบันโทรศัพท์มือถือเป็นมากกว่าเครื่องมือที่ใช้ติดต่อสื่อสาร มีตัวเลือกที่ให้ความบันเทิงแก่ผู้ใช้ทุกรูปแบบ อาทิ ดูหนัง ฟังเพลง ถ่ายรูป คาราโอเกะ เกมออนไลน์ จนกลบกระแสเรื่องผลกระทบจากมือถือ

มีรายงานทางการแพทย์หลายครั้งระบุว่า การใช้โทรศัพท์มือถือ ทำให้เป็นมะเร็งได้ ซึ่งเกิดจากการนำโทรศัพท์มือถือใส่ไว้บริเวณกระเป๋าเสื้อ เป็นได้ทั้งชายและหญิง ที่สำคัญ คลื่นจากโทรศัพท์มือถือมีผลต่อสมองและสายตาด้วย ที่ต้องระวังเรื่องแบตเตอรี่ที่อาจระเบิดได้

พ.อ.น.พ.สุรเดช จารุจินดา แพทยสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เผยว่า โทรศัพท์มือถือใช้แนบไว้ที่หูครั้งละนานๆ เป็นเวลาหลายปี จะมีผลกระทบต่อสุขภาพของผู้ใช้โดยตรง โดยมีรายงานการวิจัยในหลอดทดลองว่า คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่เกิดจากการรับ-ส่งสัญญาณโทรศัพท์มือถือ ซึ่งมีความถี่อยู่ในช่วงคลื่นไมโครเวฟทำให้เกิดความร้อน และทำร้ายเซลล์ภายในเนื้อเยื่อบริเวณ หู ตา และสมอง

ผลกระทบในระยะสั้น ผู้ที่ได้รับคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจากโทรศัพท์มือถือจะทำให้เกิดอาการปวดหู ปวดศีรษะ ตาพร่ามัว มึนงง ขาดสมาธิ และเครียดเนื่องจากระบบพลังงานในร่างกายถูกรบกวน

ผลในระยะยาว อาจทำให้เกิดโรคความจำเสื่อม เนื่องจากเนื้อเยื่อถูกทำลาย เกิดโรคมะเร็งสมองเนื่องจากเนื้อเยื่อสมองมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมไปจากปกติ และทำให้เกิดโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

จากรายงานยังระบุว่า การใช้โทรศัพท์มือถือในเด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 10 ขวบ จะมีผลกระทบต่อสุขภาพมากกว่าผู้ใหญ่ เนื่องจากคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถผ่านกะโหลกศีรษะของเด็กเข้าสู่เนื้อเยื่อสมองได้ลึกกว่าของผู้ใหญ่ รวมทั้งการใช้โทรศัพท์มือถือขณะเติมน้ำมัน อาจทำให้เกิดอุบัติเหตุเพลิงไหม้ได้ เนื่องจากโทรศัพท์มือถือทำให้เกิดประกายไฟที่จุดติดไฟกับน้ำมันได้

วิธีการป้องกัน ไม่ควรใช้โทรศัพท์มือถือติดต่อกันเป็นเวลานาน หากจำเป็นต้องคุยนานให้สลับหูซ้ายหูขวา ควรใช้อุปกรณ์ Small talk หรือ hand fred ทุกครั้งเมื่อใช้โทรศัพท์มือถือ หลีกเลี่ยงการให้เด็กเล็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบใช้โทรศัพท์มือถือ หลีกเลี่ยงการใช้โทรศัพท์มือถือขณะขับรถ ขณะเติมน้ำมันรถยนต์ และปิดโทรศัพท์มือถือก่อนเข้าไปในบริเวณที่มีการรับจ่ายน้ำมันและก๊าซ ไม่ควรนำโทรศัพท์มือถือใส่กระเป๋ากางเกง หรือคาดเอว หรือแขวงไว้ช่วงหน้าอก เพราะมีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าออกมาจากเครื่องตลอดเวลา อาจทำให้เป็นมะเร็งเต้านมและเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้
ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

นิวโรบิคส์ (Neurobic) : ศาสตร์ใหม่บริหารสมองให้แข็งแรง


“อากาศร้อน นอกจากสมองจะล้า บางครั้งยังทำให้
ความสามารถ และ ความคิดสร้างสรรค์ลดน้อยลง”

นิวโรบิคส์ คือ ระบบอย่างหนึ่งที่มีลักษณะเฉพาะเกี่ยวกับการบริหารสมองโดยใช้ประสาทสัมผัสทั้ง 5 ร่วมกับอารมณ์
ความรู้สึกในการทำกิจวัตรประจำวันรูปแบบใหม่ เพื่อช่วยกระตุ้นเซลล์สมองให้มีสุขภาพดี

คุณอยากมีอาการหัวใสคิดอะไร "ปิ๊ง ปิ๊ง" ตอนทำงานทุกครั้งหรือเปล่า ?
อย่างนี้ต้อง มาบริหารสมองกันเถอะ !

  1. พยายามใช้ประสาทสัมผัสของคุณอย่างน้อยหนึ่งอย่างในการทำกิจวัตรประจำวัน เช่น
    • ลองใส่เสื้อผ้าโดยไม่ลืมตา • สระผมโดยไม่ลืมตา
    • ใช้สายตาและท่าทางในการสื่อสารแทนการใช้คำพูดบนโต๊ะอาหาร

  2. ลองใช้ประสาทสัมผัสสองอย่างให้ทำงานร่วมกัน เช่น
    • ฟังเพลงและสูดดมกลิ่นของดอกไม้ไปพร้อม ๆ กัน
    • ฟังเสียงฝนตกพร้อมกับเคาะนิ้วมือ • จ้องมองก้อนเมฆและปั้นดินน้ำมันไปพร้อม ๆ กัน

  3. เปลี่ยนแปลงกิจวัตรประจำวัน เช่น
    • แปรงฟันด้วยมือข้างที่ไม่ถนัด
    • เปลี่ยนแปลงลำดับเวลา เช่น เดิมอาบน้ำก่อนรับประทานอาหาร ก็เปลี่ยนเป็นรับประทานอาหาร
    ก่อนอาบน้ำ เป็นต้น
    • เดินทางไปทำงานด้วยเส้นทางใหม่ • ใช้มือข้างที่ไม่ถนัดในการรับประทานอาหาร
    • ลองช้อปปิ้งในร้านใหม่ที่ไม่เคยเข้า

  4. ที่ทำงาน
    • สลับตำแหน่งสิ่งของที่อยู่บนโต๊ะทำงาน
    • โทรไปหาเบอร์ประจำโดยสูดดมกลิ่นหอม เช่น สูดดมกลิ่นส้มก่อนโทรหาเจ้านาย

  5. ที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตและตลาดสด
    • หลับตา, สูดกลิ่น แล้วลองทายดูว่าเป็นผลไม้ชนิดไหน, ขนมยี่ห้ออะไร
    • ลองหยิบสินค้าชนิดใหม่ ๆ มาดูรายละเอียด

พึงระลึกเสมอว่า การออกกำลังกายสมอง ไม่สามารถทำให้สมองของคุณเหมือนสมองคนอายุ 20 ปี
แต่ทำให้การทำงานของสมองมีประสิทธิภาพมากขึ้น เปรียบเสมือนคุณออกกำลังกาย ไม่สามารถทำให้คุณเป็น
หนุ่มสาวขึ้น แต่ทำให้ร่างกายคุณแข็งแรง ป้องกันโรคภัยไข้เจ็บได้


ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ฉลากบนผลไม้...คุณเคยรู้ไหม


ฉลากผลไม้ทั่วไป - มีตัวเลขสี่หลัก ขึ้นต้นด้วย 4 เช่น 4xxx
ฉลากผลไม้ Organic (ผลไม้ที่ปลูกโดยไม่ใช้สารเคมี) - มีตัวเลขห้าหลัก ขึ้นต้นด้วย 9 เช่น 9xxxx
ฉลากผลไม้ GMO (ผลไม้ที่ปลูกโดยใช้พันธ์ที่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม)
- มีตัวเลขห้าหลัก ขึ้นต้นด้วย 8 เช่น 8xxxx

ดังนั้นครั้งต่อไปที่คุณจะเลือกซื้อผลไม้ จำไว้ว่าตัวเลขสำคัญที่คุณควรรู้ เพื่อจะหลีกเลี่ยงการซื้อผลไม้ที่มีสารเคมีและผลไม้ GMO
ดังนั้น ถ้าคุณเห็นแอปเปิ้ล ที่มีรหัส 4922 แปลว่า แอปเปิ้ลนี้เป็นแอปเปิ้ลทั่วๆไป ที่ปลูกด้วยการใส่ปุ๋ยปกติ
ถ้าแอปเปิ้ลติดสติ๊กเกอร์ มีรหัส 99222 แสดงว่าเป็นแอปเปิ้ลที่ปลูกโดยวิธีปลอดสารเคมี และปลอดภัย
ถ้าแอปเปิ้ลติดสติ๊กเกอร์ มีรหัส 89222 อย่าซื้อ!!!
แสดงว่าเป็นแอปเปิ้ลที่ผ่านการดัดแปลงทางพันธุกรรม(GMO)

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com