กรวดสองสี...สีขาวและสีดำ


เศรษฐีคนหนึ่งชอบใจลูกสาวชาวนายากไร้ผู้หนึ่ง เขาเชิญชาวนากับลูกสาวไปที่สวนในคฤหาสน์ของเขา เป็นสวนกรวดกว้างใหญ่ที่มีแต่กรวดสีดำกับสีขาว เศรษฐีบอกชาวนาว่า "ท่านเป็นหนี้สินข้าจำนวนหนึ่ง แต่หากท่านยกลูกสาวให้ข้า จะยกเลิกหนี้สินทั้งหมดให้"
ชาวนาไม่ตกลง
เศรษฐีบอกว่า "ถ้าเช่นนั้นเรามาพนันกันดีไหม ข้าจะหยิบกรวดสองก้อนขึ้นมาจากสวนกรวดใส่ในถุงผ้านี้ ก้อนหนึ่งสีดำ ก้อนหนึ่งสีขาว ให้ลูกสาวของท่านหยิบก้อนกรวดจากถุงนี้ หากนางหยิบได้ก้อนสีขาว ข้าจะยกหนี้สินให้ท่าน และนางไม่ต้องแต่งงานกับข้า แต่หากนางหยิบได้ก้อนสีดำ นางต้องแต่งงานกับข้า และแน่นอน ข้าจะยกหนี้ให้ท่านด้วย"
ชาวนาตกลง
เศรษฐีหยิบกรวดสองก้อนใส่ในถุงผ้า หญิงสาวเหลือบไปเห็นว่ากรวดทั้งสองก้อนนั้นเป็นสีดำ
เธอจะทำอย่างไร?
หากเธอไม่เปิดโปงความจริง ก็ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกง
หากเธอเปิดโปงความจริง เศรษฐีย่อมเสียหน้า และยกเลิกเกมนี้ แต่บิดาของเธอก็จะยังคงเป็นหนี้เศรษฐีต่อไปอีกนาน
เราส่วนใหญ่ถูกสอนมาให้มองปัญหาแบบขาวกับดำ แต่ไม่ใช่ทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้อย่างขาวกับดำเสมอไป
ในทางตรงข้าม หากเราลองมองต่างมุม จะพบว่าหนทางการแก้ปัญหามีมากกว่าหนึ่งสายเสมอ
และการยืดหยุ่นพลิกแพลงไปตามสถานการณ์เป็นวิธีการหนึ่ง
บางครั้งในการแก้ปัญหา เราอาจต้องสร้างเครื่องมือในการแก้ปัญหาขึ้นมาใหม่
ลูกสาวชาวนาเอื้อมมือลงไปในถุงผ้า หยิบกรวดขึ้นมาหนึ่งก้อน พลันเธอปล่อยกรวดในมือร่วงลงสู่พื้น กลืนหายไปในสีดำและขาวของสวนกรวด
เธอมองหน้าเศรษฐี เอ่ยว่า "ขออภัยที่ข้าพลั้งเผลอปล่อยหินร่วงหล่น แต่ไม่เป็นไร ในเมื่อท่านใส่กรวดสีขาวกับสีดำอย่างละหนึ่งก้อนลงไปในถุงนี้
ดังนั้นเมื่อเราเปิดถุงออกดูสีกรวดก้อนที่เหลือ ก็ย่อมรู้ทันทีว่า กรวดที่ข้าหยิบไปเมื่อครู่เป็นสีอะไร
"
ที่ก้นถุงเป็นกรวดสีดำ
"...ดังนั้นกรวดก้อนที่ข้าทำตกย่อมเป็นสีขาว"
ชาวนาพ้นสภาพลูกหนี้และลูกสาวไม่ต้องแต่งงานกับเศรษฐีขี้โกงคนนั้น


นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า "หากเราพยายามมากพอที่จะแก้ไขปัญหา เราจะพบว่าทุกปัญหาย่อมมีวิถีทางแก้ไขเสมอ"

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

นั่งทำงานอย่างไร...ไม่ให้ปวดหลัง


การจัดวางจอคอมพิวเตอร์ที่ถูกต้อง
ควรปรับจอภาพด้านบนสุดให้อยู่ในแนวเดียวกับระดับสายตา ควรวางจอคอมพิวเตอร์ให้อยู่เหนือคีย์บอร์ด และอยู่ตรงหน้า ตรงกับระดับสายตาในขณะที่นั่งประมาณ 2-3 นิ้ว
ควรนั่งให้แขนห่างจากหน้าจอให้ยาวที่สุด และควรปรับระยะการมองเห็น พยายามหลีกเลี่ยงการเพ่งจ้องคอมพิวเตอร์ โดยการวางตำแหน่งจอให้เหมาะสม ถ้าจะให้ดีควรจะมีแผ่นกรองแสงเพื่อป้องกันการเสื่อมของตาด้วย
ปรับมุมจอคอมพิวเตอร์ในแนวตั้ง และปรับอุปกรณ์ควบคุมจอเพื่อลดการมองแสงที่ออกจากคอมพิวเตอร์ หรือควรปรับม่านหากมีแสงสว่างมากจนเกินไปทำให้มองไม่เห็นจอคอมพิวเตอร์

อย่างไรก็ตามการนั่งทำงานเป็นเวลานานๆ ก็อาจจะทำให้เกิดอาการปวด เมื่อย หรือ กล้ามเนื้อเกร็งได้ แม้ว่าจะมีการจัดวางตำแหน่งของคอมพิวเตอร์ ปรับเก้าอี้ พนักพิง และการนั่งที่ถูกต้องแล้ว แต่การนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ ก็อาจจะทำให้การไหลเวียนของเลือดหยุดชะงัก และทำให้เกิดอาการเมื่อยล้าได้ ซึ่งการหยุดพักและผ่อนคลายเป็นวิธีป้องกันได้ดีที่สุด โดย ดร.แพทริก อิริคสัน ได้ให้คำแนะนำถึงวิธีการผ่อนคลายกล้ามเนื้อให้กับพนักงานออฟฟิศง่ายๆ ที่สามารถปฏิบัติได้จริง ดังนี้

ควรจะพักบริหารร่างกายสัก 1-2 นาที ในทุกๆ 20-30 นาที หลังจากที่นั่งทำงานในแต่ละชั่วโมง เพื่อให้ร่างกาย และกล้ามเนื้อได้ผ่อนคลาย พยายามหางานอย่างอื่นทำแทนในขณะที่หยุดพัก หรือจะเดินไปเข้าห้องน้ำ ยืดเส้น บิดตัวไปมา ก็อาจจะช่วยให้กล้ามเนื้อได้ผ่อนคลายมากขึ้น
ควรพักสายตา อย่างน้อย 5 นาที หลังจากที่จ้องดูหน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ เนื่องจาก แสง และรังสีต่างๆ ที่ออกจากจอ อาจทำให้ตาเมื่อยล้า และทำให้สายตาสั้นลงได้ ควรจะพักสายตา โดยการหลับตา หรือ มองไปบริเวณรอบๆ เป็นระยะๆ หากรู้สึกปวดตา ให้มองไปบริเวณที่มีสีเขียว ก็อาจจะทำให้รู้สึกสบายตาขึ้น ไม่ควรจ้องมองไปที่แสงสว่าง หรือที่มีแดดจ้า
หากรู้สึกเมื่อย ก็ให้หยุดพัก ออกไปเดินสูดอากาศข้างนอก ล้างหน้า เพื่อเพิ่มความสดชื่น อย่าฝืนนั่งทำ เพราะอาจจะทำให้เสียสุขภาพได้

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

เล็ก ๆ น้อย ๆ เนอะ


อย่าพูดว่า ฉันทำไม่ได้แน่ ๆ เลย
....จงพูดว่าฉันจะลองทำและจะทำให้ได้
อย่าพูดว่า นึกแล้วมันต้องออกมาเป็นอย่างนี้
....จงพูดว่า ไม่เป็นไร ลองปรับแก้ดู แล้วทำใหม่ให้ดีกว่าเดิม


จากหนังสือ พลังใจ พลังชีวิต ของ ปัณณวัฒน์

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

การไม่มีโรคเป็นสิ่งที่ดีที่สุด...ว่าไหมครับ


ตารางประโยชน์ของน้ำผึ้งในการสร้างเสริมสุขภาพและรักษาโรคต่าง ๆ
ปริมาณและวิธีใช้
1. บำรุงสุขภาพ
น้ำผึ้ง 3 ช้อนโต๊ะผสมน้ำอุ่นดื่มทุกวัน
2. อดนอน น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ หรือผสมน้ำผลไม้
3. ยาอายุวัฒนะ น้ำผึ้ง½ -1 ช้อนโต๊ะ ดื่มทุกวัน เช้า / ก่อนนอน
4. นอนไม่หลับ น้ำผึ้ง 1ช้อนโต๊ะดื่มเวลาอาหารเย็นหรือก่อนนอน
5.ไอ หลอดลมอักเสบมีเสมหะ กระเทียม 1-2 กลีบ (ตำให้ละเอียด) น้ำมะนาว ½ เกลือเล็กน้อย พิมเสน
หรือ การบูร 2-3 เกล็ด น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
6. ท้องอืด ท้องเฟ้อ น้ำผึ้ง ½ ช้อนโต๊ะน้ำขิงเข้มข้น ½ ถ้วย เกลือเล็กน้อยดื่มวันล่ะ 3 เวลาหลังอาหาร

7. ท้องผูก น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะดื่มก่อนนอน
8. เด็กปัสสาวะรดที่นอน น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา (ไม่ผสมน้ำ) ดื่มก่อนนอน
9. ท้องเสียรุนแรง น้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะ เกลือ ½ ช้อนชา ผสมน้ำอุ่น 1แก้ว
10. เด็กหวะนม น้ำผึ้ง ½ -1 ช้อนโต๊ะ ผสมนมให้เด็กดื่ม
11. กล้ามเนื้อเป็นตะคริว น้ำผึ้ง 2 ช้อนชา ดื่มทุกเมื่ออาหาร
12. ล้างแผล แผล ฝี หนอง แผลเรื่อรัง น้ำผึ้ง 1 ส่วน ผสมน้ำ 9 ส่วนชะล้างแผล หัวหอมแดง 2 หัวตำให้ละเอียด+น้ำผึ้งพอกฝี น้ำสุกที่ เย็นแล้วล้างแผลให้สะอาด ใช้สำลีหรือผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดบริเวณแผล
13. แผลไฟไหมน้ำร้อนลวก ถูกท่อไอเสีย ใช้ผ้าพันแผลชุบน้ำผึ้งปิดแผลไว้แล้วเปลี่ยนผ้าพันแผลทุก 12 ชั่วโมง
14. โรคกระเพาะ ดื่มน้ำผึ้ง 2-3 ช้อนโต๊ะขณะปวด และ 3 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
15. ผู้ป่วยด้วยโรคพิษสุรา(ตับแข็ง/โรคตับ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนโต๊ะผสมน้ำ ½ ถ้วยแก้ว ดื่มวันละ3 ครั้งเป็นประจำ คอเหล้าดื่มน้ำผึ้ง 1-2 ช้อนโต๊ะก่อนนอน
16. ผู้ป่วยริดสีดวงทวาร น้ำผึ้งผสมกระเทียมโทน บริโภควันละ 3 ครั้งหลังอาหาร
17. เด็กโตช้า และโลหิตจาง น้ำผึ้งผสมนมดื่มเป็นประจำ
18. เสียน้ำหรือเสียเลือด(10-20%) น้ำ 1 ถ้วยแก้วผสมเกลือ ¼ ช้อนชา น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ
19. โรคเด็ก (ทางเดินอาหารผิดปกติ) น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาต่อน้ำ 1ถ้วย

20.โรคแพ้ใจตัวเอง ใช้น้ำผึ้งเหมือนทุกข้อ1-19... (ผมคิดเอง ล้อเล่นนะครับ ...ขอให้ทุกคนไม่มีโรคนะครับ)

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

อ่านแล้วทำให้"คิดบวก"อีกเยอะ


สิ่งที่แข็งที่สุด..
เอาชนะได้ด้วย..สิ่งที่อ่อนที่สุด
------------

เมื่อประตูบานหนึ่งปิด.. อีกบานหนึ่งก็เปิด..
แต่บ่อยครั้ง..ที่เรามัวแต่จ้องประตูบานที่ปิด
จนไม่ทันเห็นว่า...มีอีกบาน-ที่เปิดอยู่
-----------
อย่ามัวค้นหา..ความผิดพลาด
จงมองหา..หนทางแก้ไข
-----------
อารมณ์ขัน..เป็นสิ่งยอดเยี่ยมที่สุด..
ที่ช่วยรักษาสิ่งอื่นได้...
เพราะทันที-ที่เกิดอารมณ์ขัน
ความรำคาญ..และความขุ่นข้อง-หมองใจ..จะหายไป
กลับกลายเป็น..ความเบิกบานแจ่มใส..ของจิตใจ
เข้ามาแทนที่

------------
อย่ากลัว..ที่จะนั่งหยุดพัก..
เพื่อคิด
-----------
1 นาที..ที่คุณโกรธ
เท่ากับ..คุณได้สูญเสีย 60 วินาที
แห่งความสงบในจิตใจ..ไปแล้ว
------------

หนทางเดียว..ที่จะรักษาภาพพจน์ได้..คือ..
การซื่อสัตย์..ตลอดเวลา
-------------
ผู้ชนะ..ไม่เคยลาออก
และผู้ลาออก..ก็ไม่เคยชนะ
------------

ออกซิเจน..สำคัญต่อปอดเช่นไร
ความหวัง..ก็เป็นเช่นนั้น
ต่อความหมาย..ของชีวิต
-------------
การมีชีวิตอยู่-นานเท่าใด..
มิใช่..สิ่งสำคัญ
สิ่งสำคัญ..ก็คือ .มีชีวิตอยู่-อย่างไร
-------------

เราเข้าใจชีวิต..
เมื่อมองย้อนหลัง..เท่านั้น
แต่..เราต้องดำเนินชีวิต..ไปข้างหน้า
------------

ไม่มีสิ่งใด..ช่วยให้คุณ..ได้เปรียบคนอื่น
มากเท่ากับ..
การควบคุมอารมณ์..ให้สงบนิ่ง..อยู่ตลอดเวลา
ในทุกสถานการณ์
------------
ความอดทน..
คือ..เพื่อนสนิท..ของสติปัญญา
-------------
พรสวรรค์ยิ่งใหญ่..ของมนุษย์
คือ .การที่เราสามารถ..เอาใจเขา-มาใส่ใจเราได้
-------------

ในธรรมชาติ..ไม่มีสิ่งใดดีพร้อม
แต่ทุกอย่าง..ก็สมบูรณ์แบบในตัวเอง
ต้นไม้..อาจบิดเบี้ยว-โค้งงอ..อย่างประหลาด
แต่ก็ยังคง..ความงดงาม
-------------
มักพูดกันว่า..
กาลเวลา..เปลี่ยนทุกสิ่ง
แต่จริงๆแล้ว .
คุณ..ต้องเปลี่ยนทุกสิ่ง..ด้วยตนเอง

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

เวลา...คำสั้น ๆ แต่สำคัญ


ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 ปีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามนักเรียนที่สอบไล่ตก

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 เดือนมีค่าเพียงใด .. ให้ถามมารดาที่ต้องคลอดบุตรก่อนกำหนด

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 สัปดาห์มีค่าเพียงใด .. ให้ถามบรรณาธิการหนังสือรายสัปดาห์

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 ชั่วโมงมีค่าเพียงใด .. ให้ถามคู่รักที่ต้องรอเวลาจะพบกัน

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 นาทีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามคนที่พลาดรถไฟ รถประจำทางหรือเครื่องบิน

ถ้าอยากรู้ว่าเวลา 1 วินาทีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามที่รอดชีวิตจากอุบัติเหตุอย่างหวุดหวิด

ถ้าอยากรู้ว่าเวลาในเสี้ยววินาทีมีค่าเพียงใด .. ให้ถามนักกีฬาโอลิมปิกที่ได้เหรียญเงิน

เวลาไม่เคยคอยใคร .. เราควรใช้ทุกขณะอันมีค่ายิ่งให้ดีที่สุด

จงแบ่งปันเวลาให้กับใครบางคนที่เป็นคนพิเศษที่เรารัก

ไม่มีที่มาของบทกลอนนี้

แต่เราสามารถแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับใครบางคน

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ต้นไม้ใหญ่...กับชีวิตเด็กน้อย


ผมไปอ่านเจอเรื่องเล่านี้มากครับ ... สอนใจลูกอย่างเราครับ...นานมาแล้ว มีต้นแอปเปิ้ลใหญ่อยู่ต้นนึง และก็มีเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนนึง ชอบเข้ามาอยู่ใกล้ๆและเล่นรอบๆต้นไม้นี้ทุกๆวัน เขาปีนขึ้นไปบนยอดของต้นไม้ และก็กินผลแอปเปิ้ล และก็นอนหลับไปภายใต้ร่มเงาของต้นแอปเปิ้ล เขารักต้นไม้ และต้นไม้ก็รักเขา เวลาผ่านไป เด็กน้อยโตขึ้น และเขาไม่มาวิ่งเล่นรอบๆต้นไม้ทุกวันอีกแล้ว วันหนึ่ง เด็กน้อย กลับมาหาต้นไม้ เด็กน้อยดูเศร้า "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่ใช่เด็กเล็กๆแล้วนะ ฉันไม่อยากเล่นรอบๆต้นไม้อีกแล้ว ฉันต้องการของเล่น ฉันอยากได้เงินไปซื้อของเล่น" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีเงินจะให้ ......เก็บลูกแอปเปิ้ลของฉันไปขายสิ เพื่อเอาเงินไปซื้อของเล่น " ต้นไม้ตอบ เด็กน้อยตื่นเต้นมาก เขาเก็บลูกแอปเปิ้ลไปหมด และจากไปอย่างมีความสุข หลังจากเขาเก็บแอปเปิลไปหมดแล้ว เขาไม่กลับมาหาต้นไม้อีกเลย ต้นไม้ดูเศร้า...... วันหนึ่ง เด็กน้อยกลับมา เขาดูโตขึ้น ต้นไม้รู้สึกตื่นเต้นมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "ฉันไม่มีเวลามาเล่นหรอก ฉันมีครอบครัวแล้ว ฉันต้องทำงานเพื่อครอบครัวของฉันเอง เราต้องการบ้าน ช่วยฉันได้ไหม" "ฉันไม่มีบ้านจะให้ แต่... ตัดกิ่งก้านของฉันไปสิ ......เอาไปสร้างบ้าน" ดังนั้นเด็กน้อยตัดกิ่งก้านทั้งหมดของต้นไม้ไป และจากไปอย่างมีความสุข อีกครั้งที่ต้นไม้ถูกทิ้งให้เดียวดาย และเศร้า.... วันหนึ่งในฤดูร้อน เด็กน้อยกลับมา ต้นไม้ดีใจมาก "มาหาฉัน และมาเล่นกับฉันเหรอ" ต้นไม้ถาม "เปล่า ฉันรู้สึกผิดหวังกับชีวิต และเริ่มแก่ขึ้น ฉันอยากแล่นเรือไปพักผ่อนไกลๆ ให้เรือฉันได้ไหม" "ใช้ลำต้นของฉันได้ เอาไปสร้างเรือ เพื่อเธอจะได้เล่นเรือไปและมีความสุข" ต้นไม้ตอบ ดังนั้น เด็กน้อยตัดลำต้นของต้นไม้ไปสร้างเรือ เขาล่องเรือไป และไม่เคยกลับมาอีกเลย หลายปีผ่านไป ในที่สุดเด็กน้อยกลับมา คราวนี้เขาดูแก่ลงไปมาก "ฉันเสียใจ ฉันไม่เหลืออะไรจะให้อีกแล้ว ไม่มีผลแอปเปิ้ลให้ ....ฉันไม่มีลำต้นให้ปีนอีกแล้ว" "ฉันไม่มีฟันจะกินแล้ว ฉันปีนไม่ไหว และฉันก็แก่แล้ว" เด็กน้อยตอบ "ฉันไม่มีอะไรเหลือให้อีกแล้ว สิ่งเดียวที่เหลือ มีเพียงรากที่กำลังจะตาย" "ตอนนี้ฉันไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว แค่อยากได้ที่พักพิง ฉันเหนื่อยมาหลายปีแล้ว" "รากของต้นไม้แก่ๆ จะเป็นที่พักพิงของหนูได้ ...... มาสิ นั่งลงข้างๆฉัน .....หลับให้สบาย....." เด็กน้อยนั่งลงข้างๆ ต้นไม้ดีใจ ยิ้ม...และน้ำตาไหล........

นี่เป็นเรื่องสำหรับทุกๆคน ต้นไม้ในเรื่องคือพ่อแม่ เมื่อเราเป็นเด็กตัวเล็กๆ เรารักที่จะเล่นกับพ่อกับแม่... เมื่อเราโตขึ้น เราทอดทิ้งพ่อ และแม่ และกลับมาหาท่าน เมื่อเราต้องการบางสิ่งบางอย่าง หรือเมื่อเรามีปัญหา ไม่ว่าอย่างไร...พ่อ และแม่ของเราก็จะอยู่และให้ทุกสิ่งอย่างที่ท่านทำได้ หวังเพียงเรามีความสุข คุณอาจจะคิดว่า "เด็กน้อย" ในเรื่องโหดร้าย แต่นั่นคือความจริงที่สะท้อนให้เห็นว่าพวกเราทำกับผู้มีพระคุณอย่างไร? ........ แล้วต้นไม้ของคุณล่ะ ....... เด็กน้อย .......???
ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

น้ำกับร่างกายของเรา...นั้นสำคัญ

บทความดีๆวันนี้ขอเสนอความสัมพันธ์ของน้ำกับร่างกายเรา
รู้หรือไม่ ในร่างกายมนุษย์ ประกอบด้วย น้ำถึงประมาณ 65 เปอร์เซนต์ ส่วนในสมองนั้นประกอบด้วยน้ำ กว่า80เปอร์เซนต์ แม้แต่ในกระดูกซึ่งหลายๆคนคิดว่าไม่น่าจะมีน้ำหรือมีน้ำเป็นองค์ประกอบน้อยมากๆ กลับมีถึง ร้อยละ25!! เห็นถึงความสำคัญของน้ำต่อร่างกายเรารึยังหละครับ

ร่างกายต้องการน้ำโดยเฉลี่ยแล้วประมาณวันละซัก 3ลิตร น้ำที่ได้มาอาจอยู๋ในรูป น้ำเปล่าที่ดื่ม น้ำผลไม้ และอาหารอื่นๆ
ความสำคัญของน้ำต่อร่างกายคือ

เซลล์ต่างๆมีน้ำเป็นองค์ประกอบ

  • ทำให้เกิดการเคลื่อนไหว, แลกเปลี่ยนสารภายในเซลล์

  • ช่วยลำเลียงสารอาหาร, ก๊าซ, ของเสียต่างๆ ในร่างกาย

  • ช่วยให้อาหารชื้นทำให้ย่อยง่ายขึ้น
  • ตัวกลางในการทำปฏิกิริยาเคมีในร่างกาย

  • ช่วยคุมอุณภูมิในร่างกายให้คงที่ เช่น เหงื่อไหลเมื่อร้อน เมื่อน้ำระเหยร่างกายก็จะเย็นลง

  • ช่วยขับถ่ายของเสีย เช่น ปัสสาวะของเราก็คือ ยูเรียซึ่งละลายในน้ำ ทำให้สามารถขับออกไปได้ง่าย

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

เรามองเห็นสีได้อย่างไร....มีคำตอบ



การที่เราเห็นสีเช่น ใบไม้สีเขียว ท้องฟ้าสีฟ้า เปลือกไม้สีน้ำตาล และอิ่นๆ
เกิดจากแสงของ พระอาทิตย์ ไปตกกระทบ ซึ่งในแสงขาวประกอบด้วย เจ็ดสี คือม่วง, คราม, น้ำเงิน, เขียว, เหลือง, แสด, แดง
ถ้าแสงไปกระทบวัตถุสีเขียว เช่นใบไม้ มันก็จะสะท้อนแสงสีเขียวมาที่ตาเรา ทำให้เราเห็นเปนสีเขียว ส่วนสีอื่นๆ จะดูดกลืนเข้าไปหมด
สรุปก็คือ ที่เราเห็นสีของวัตถุ เกิดจากการที่แสงสะท้อนสีนั้นๆ เข้ามาที่ตาเราและดูดสีอื่นไป

ความรู้รอบตัว*แต่มีสีที่แปลกอยู่ 2 สี คือดำกับขาว เพราะ สีดำ จะดูดกลืนแสงทุกสี ไม่ว่าจะส่องแสงสีอะไรใ่มันก็ยังเป็นสีดำอยู่
ส่วนสีขาว จะสะท้อนแสงทุกสี เช่นถ้าเราเอานีออนสีเหลืองมาส่องใส่ผ้าขาว ผ้าก็จะดูเป็นสีเหลืองทันที เพราะมันสะท้อนสีเหลืองมากระทบตาเรา

เกร็ดความรู้ดีดีจกาก ปล๊อกบันเทิง.คอม

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

บทความสอนใจ...พนักงานทุกคน



ลูกค้า คือ บุคคลสำคัญ

ความถูกใจ พึงพอใจ ของลูกค้า

คือ ทางอยู่รอดของร้าน

ถ้าเราไม่ดูแลลูกค้าของเราให้ดี

ก็จะมีคนอื่นมาดูแลแทนเรา

ร้านเกิดได้จาลูกค้า

ก็สามารถจบจากลูกค้าได้เช่นกัน

จงปฏิบัติต่อลูกค้าให้ดีที่สุด

คนอื่นจะได้ไม่มาปฏิบัติแทน


บทความจาก ร้านไม้ขอน


ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

คิดอย่างบวก...เรื่อง..."จดหมายไม่มีชื่อผู้ส่ง"



ผมไปเปิดอ่านเจอนิทานดีดี ที่แอบสอนแง้คิดจากพระอาจารย์ทั้นหนึ่งที่กระผมนับถือ โดยเรื่องมีอยู่ว่า มีอาจารย์อยู่ท่านหนึ่งเป็นอาจารย์ที่เคี่ยวในการสอนมาก จึงทำให้เป็นที่ไม่พอใจแก่บรรดาเหล่าลูกศิษย์ทั้งหลาย จนกระทั่ง มีอยู่วันหนึ่ง มีลูกศิษย์คนหนึ่งสุดทนขึ้นมา จึงขอระบายออก ด้วยการเขียนตัวหนังสือลงในเศษกระดาษแผ่นหนึ่งว่า "ไอ้บ้า" แล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะอาจารย์ เพื่อหวังยั่วยุให้อาจารย์ท่านนี้โมโห แล้วก็ถึงเวลาเรียน อาจารย์ท่านนี้เดินมาถึงโต๊ะ ก็เห็นกระดาษแผ่นนี้ จึงหยิบขึ้นมาดู แต่กลับไม่เป็นอย่างที่เด็กนักเรียนคนนั้นคิด ท่านเฉยๆแล้วมีอมยิ้มเล็กๆ จากนั้นก็วางกระดาษแผ่นนั้นลงที่โต๊ะ และเริ่มทำการสอน ทำให้เด็กนักเรียนหลายคนแปลกใจ ทำไมอาจารย์ไม่โกรธ

จนกระทั่งเมื่อหมดเวลาเรียน อาจารย์ท่านนั้นจึงเอ่ยปากพูดกับนักเรียนว่า "วันนี้อาจารย์เจอเรื่องแปลก มีคนส่งจดหมายมาให้อาจารย์ ธรรมดาจดหมายนั้นจะต้องมีเนื้อหาของจดหมายระบุว่าเจ้าของจดหมายต้องการอะไร และปิดท้ายของจดหมายด้วยชื่อของผู้ส่ง แต่วันนี้แปลก จดหมายที่อาจารย์ได้รับ มีแต่ชื่อผู้ส่งแต่ไม่มีเนื้อหา" เมื่ออาจารย์พูดจบก็เดินออกจากห้องไป

นักเรียนได้ฟังถึงกับอึ้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่เขียนคำว่า"ไอ้บ้า"ลงในกระดาษแผ่นนั้น ถึงกับคิดในใจ "อาจารย์เรานี่ก็แน่เหมือนกัน" จึงได้ไปหาอาจารย์กราบขอโทษอาจารย์ท่านนั้น

เป็นอย่างไรบ้างครับ ได้ข้อคิดอะไรดีดี กันบ้าง แนะนำกันได้ครับ

นิทานจาก เวป DMC
ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ควันพิษ...ผู้ร้ายที่ทุกคนมองข้ามกัน


สวัสดีครับ วันนี้ผมนำเรื่องที่ใกล้ตัว ทุก ๆ ครับ แต่ทุกคนกลับมองข้ามกัน เพราะอาจจะชินและต้องพบปะอยู่ทุกวันเป็นประจำ คือ ควันพิษจากการจรากรและการขนส่ง หรือควันจากการเผ่าไหม้ ต่าง ๆ เช่น การเผาเศษขยะของชาวบ้าน การเผาเพื่อการเกษตร และร้านหมูกระทะ ต่าง ๆ ฯลฯและผมไปอ่านเจองานวิจัย ดีดี แล้วนำมาฝากกันครับ


นักวิจัยในเนเธอร์ศึกษาว่าการสูดควันพิษเข้าร่างกายนาน 1 ชั่วโมงนอกจากทำให้ปวดศีรษะแล้ว ยังอาจทำให้สมองทำงานผิดปกติได้ วารสารพาร์ทิเคิล แอนด์ ไฟเบอร์ ท๊อกซิโคโลจี ลงพิมพ์งานวิจัยของมหาวิทยาลัยชุดในเนเธอร์แลนด์ว่าให้อาสาสมัคร 10 คน เลือกอยู่ในห้องที่มีอากาศสะอาดหรือห้องที่มีไอเสียจากเครื่องยนต์ดีเซลนาน 1 ชั่วโมงที่อยู่ในห้องและอีก 1 ชั่วโมงหลังออกจากห้องพบว่า สมองของอาสาสมัครเริ่มแสดงออกถึงความเครียดหลังจากอยู่ในห้องที่มีไอเสียได้เพียง 30 นาที และยังคงเป็นเช่นนั้นแม้ว่าออกจากห้องแล้ว
จากผลการศึกษานี้จึงคาดการณ์ได้ว่า คนในเมืองใหญ่ที่ได้รับควันพิษในอากาศนาน ๆ จะเกิดผลระยะยาวต่อร่างกายอย่างไรบ้าง
อนุภาคขนาดนาโนที่เกิดจากการจราจรติดขัดอาจจะทำให้สมองทำงานผิดปกติได้ คณะนักวิจัยระบุ ควรต้องมีการศึกษาเพื่อหาผลที่แน่ชัดต่อไป ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษากับสุนัขในแม็กซิโกพบว่า สุนัขที่อยู่ในกรุงเม็กซิโกซิตี้ขึ้นชื่อเรื่องการจราจรติดขัดนัก สมองมังมีแผ่นคราบคล้ายที่พบในสมองของผู้ป่วยอัลซเมอร์ ส่วนสุนัขที่อยู่ตามชนบทและมีมลภาวะน้อยกว่า สมองเสียหายน้อยกว่าสุนัขในเมือง


ขอบคุณข่าวจาก INN NEWS
ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

รูปปั้น..."โอกาส"


ที่เมืองหนึ่งของประเทศกรีก เคยมีรูปปั้นแกะสลักตั้งอยู่ใจกลางเมือง ปัจจุบันรูปปั้นนี้ไม่เหลือแม้แต่ซาก แต่แผ่นจารึกที่บรรยายเกี่ยวกับรูปปั้นยังคงเหลืออยู่ คำบรรยายเขียนไว้ในรูปแบบการสนทนาระหว่าง
รูปปั้นกับคนที่เดินผ่านไปมา

"รูปปั้นเอ๋ย ท่านชื่ออะไร"
"ฉันชื่อโอกาส"
"ใครเป็นคนสร้างท่านขึ้นมา"
"ช่างแกะสลักชื่อ ลีซีปัส"
"เหตุใดท่านจึงยืนเขย่งเท้า?"
"เพื่อบ่งบอกว่าฉันอยู่เพียงชั่วครู่ชั่วยาม"
"แล้วทำไมที่เท้าของท่านจึงมีปีก"
"เพื่อแสดงให้เห็นว่าฉันจะผ่านไปอย่างรวดเร็ว"
"แต่ทำไมผมด้านหน้าของท่านจึงยาวอย่างนี้"
"ก็เพื่อให้คนที่พบฉัน จะได้จับฉวยไว้ได้ง่าย"
"แล้วทำไมหัวด้านหลังของท่านจึงล้าน ไม่มีผมแม้แต่เส้นเดียว"
"ก็เพื่อแสดงให้เห็นว่า เมื่อฉันผ่านไปแล้ว ก็ยากที่จะจับฉันได้ใหม่"

จริงด้วย ทางด้านหน้าของ "โอกาส" มีผมยาวแต่ด้านหลังล้านเกลี้ยง
เพราะเมื่อปล่อยให้ "โอกาส" ผ่านไปแล้ว
ก็ยากที่จะจับยึดมันกลับมาได้อีก

"โอกาส" จึงเร้าเตือนเราทุกคนว่า
"อย่ามาต่อว่าฉัน ว่า ฉันไม่เคยมาเยี่ยมกราย
เพราะบ่อยครั้งเหลือเกินที่ฉันมาเคาะประตู
แต่เธอกลับไม่อยู่บ้าน
ทุกวัน ฉันยืนรออยู่ที่หน้าบ้านเธอ เรียกให้เธอตื่น
ให้ขยันขันแข็ง
ให้รีบตัดสินใจ ให้ลงมือทำ ให้ออกแรง ให้สู้
เพื่อจะได้มาซึ่งชัยชนะและความสำเร็จ
จงอย่าปล่อยให้ฉันผ่านไป
เธอจะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจในภายหลัง ที่ฉัน "โอกาส" ผ่านมา
แต่เธอไม่รู้จักจับฉวย"

เมื่อปล่อยให้ "โอกาส" ผ่านไปแล้ว
ก็ยากที่จะจับยึดมันกลับมาได้อีก
แล้วเราล่ะ? ปล่อยให้โอกาสผ่านไปหรือยัง
บทความดีดี จาก blogger.com

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

Earth Hour Campaign : “โครงการปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน”


รู้ไหมทำไมต้องปิดไฟ ?
“Earth Hour Campaign” หรือ “โครงการปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อลดโลกร้อน” เริ่มขึ้นเป็นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2550 โดย WWF ประเทศออสเตรเลีย เพื่อรณรงค์ให้ประชาชน หน่วยงานราชการ และบริษัทเอก ชน พร้อมใจกันปิดไฟ 1 ชั่วโมง เพื่อสร้างจิตสำนึกในการพลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ และเป็นส่วนหนึ่ง ของการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน ผลจาก การรณรงค์ในครั้งแรก ได้รับความร่วมมือจากประชนชนจำนวนกว่า 2.2 ล้านคน และผู้ประกอบการกว่า 2,000 ราย สามาถลดการใช้ไฟฟ้าได้ถึง 10.2% ซึ่งเทียบได้กับปริมาณรถยนต์บนท้องถนนที่จะลดลง ไปถึง 48,000 คันต่อปี ดังนั้นจึงมีการรณรงค์ต่อเนื่องมาจนถึงปัจจุบัน
มาช่วยกันทำให้ 1ชั่วโมงนี้ให้มีค่ากว่าที่ผ่่านมากับ Earth Hour 2010
WWF ประเทศไทย ร่วมกับ กรุงเทพมหานคร ขอเชิญชวนประชาชน ปิดไฟร่วมกัน 1 ชั่วโมง ในวันเสาร์ที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2553 เวลา 20.30 - 21.30 น. ทำได้ง่ายๆที่บ้านของคุณ ! นะครับ


บทความจาก ข่าวประชาสัมพันธ์

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

กำลังใจสร้างได้ด้วยตัวคุณ...

พอดีไปอ่านเจอครับ อ่านแล้วรู้สึกดี เลยเอามาฝากกันครับ...
ถ้าท่านทำตัวแข่งกับสังคม
ทางแห่งความล่มจมกำลังตามมา

ถ้าท่านทำงานเห็นแก่หน้า
ท่านจะพบกับปัญหาเรื่อยไป

ถ้าท่านทำตัวเห็นแก่ได้
ท่านอย่าหวังน้ำใจจากเพื่อนฝูง

ถ้าท่านกลัวจนเกินไป
ท่านจะทำอะไรไม่ได้ความ

ถ้าท่านกล้าจนเกินงาม
ท่านจะพบกับความเดือดร้อน

ถ้าท่านขาดความพอดี
ท่านจะเป็นหนี้เขาตลอดกาล

ถ้าท่านหวังแต่ความสนุก
ท่านจะเป็นทุกข์มหาศาล

ถ้าท่านขาดความยั้งคิด
ชีวิตทั้งชีวิตจะหมดความหมาย

ถ้าท่านทำใจให้สงบ
ท่านจะพบกับความสุขที่แท้จริง


ที่มาจาก FW mail

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

วิธีแก้E2...เครื่องปริ้น Canon MP145 ขึ้นE2


พอดีที่บ้านผมใช้เครื่องปริ้น Canon MP145 อยู่ครับ
.....แต่เกิดมีปัญหา ขึ้น E2 แล้วปริ้นงานไม่ได้ครับ วันนี้ผมมีวิธี แก้มาฝากครับ ลองเองกับมือ ได้ผล ล้าน%..อิอิ

เริ่มแรก ถ้าเครื่องเกิดปัญหา E2 กระพิบ ๆ


  1. ให้ปิดเครื่องก่อนครับแล้ว... จึงเปิดเครื่องอีกครับ

  2. รอให้เครื่องรันไปจน ที่หน้าจอขึ้นเลข 1 **ไม่ต้องรอให้ขึ้นE2 นะครับ**ให้กดที่ปุ๋มถ่ายสีหรือขาวดำก็ได้ครับ

  3. เครื่องจะทำการปริ้นออกมา... แล้วerror ก็จะหายไปครับ

ถ้าทุก ๆ รองแล้วได้ผลหรือไม่ได้ผลดีอย่างไร ช่วยเขียนแนะนำด้วยนะครับ



ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

มุมมองใหม่สำหรับคนต้องการ...กำลังใจ


ถ้าหากกำลังมีทุกข์ ...ขออย่าคิดว่าทุกข์ของตนเองมากมายกว่าผู้อื่น

ให้เพียรพยายามคิดว่าผู้อื่นก็มีทุกข์ไม่น้อยไปกว่า...หรืออาจจะหนักหนาสาหัสกว่าเสียอีก

หากนำความทุกข์ไปเปรียบกับผู้ที่แย่กว่า...จะช่วยให้มีกำลังใจเพิ่มขึ้นและรู้สึกว่ายังโชคดีกว่าอีกหลายๆ คน

ดังเช่นที่นักปราชญ์เคยกล่าวเอาไว้ว่า

"ในขณะที่ท่านกำลังร้องห่มร้องไห้เพราะไม่มีรองเท้าใส่...ท่านควรคิดถึงคนที่เขาไม่มีแม้กระทั่งเท้า

หรือหากท่านเสียใจที่ไม่มีเท้า...แต่ยังมีอีกหลายคนที่ไม่มีทั้งเท้าและทั้งแขน"

หรือหากทำงานและธุรกิจล้มเหลวก็ขอให้คิดว่าความผิดพลาดและล้มเหลว...คือบทเรียนเริ่มต้นของความสำเร็จ

เหมือนคำกล่าวที่ว่า

"บทเรียนชีวิตที่ดีที่สุด...ล้วนได้มาจากความผิดพลาดล้มเหลวของตนเอง
ความโง่เขลาเบาปัญญาและความผิดพลาดในอดีต...จะกลายเป็นสติปัญญา และความสำเร็จในอนาคต"
ที่มาจาก เวป dhamboon.com
ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ระวัง!! "แม่ผมโดนกับตัว" การแอบอ้างกรมสรรพากรเพื่อหลอกลวงบุคคล และผู้เสียภาษี


ทุกท่านโปรระวังด้วย ช่วงปลายปี 52 ที่ผ่านมานี้มีกลุ่มมิจฉาชีพ แอบอ้างใช้ชื่อกรมสรรพากร หรืออ้างเป็นผู้บริหาร
หรือเจ้าหน้าที่กรมสรรพากร ใช้อุบายในลักษณะต่าง ๆ เพื่อหลอกลวงให้หลงเชื่อ ได้แก่

โทรศัพท์มาแจ้งว่ามีภาษีคืนให้ การขอรับบริจาคเงินเพื่อการกุศลต่าง ๆ เป็นต้น

โปรดระวัง ! อย่าหลงเชื่อเป็นอันขาด และนี่เป็นกรณีแอบอ้างที่ตรวจพบ
1. แอบอ้างการแจ้งคืนภาษีผ่านบัญชีธนาคาร และโอนเงินเข้าบัญชีทาง ATM
2. แอบอ้างชื่อกรมสรรพากร ผู้บริหารกรม ข้าราชการกรม เพื่อให้ช่วยบริจาค ซื้อสินค้าเพื่อการกุศล
3. แอบอ้างชื่อกรมสรรพากร ผู้บริหารกรม ข้าราชการกรม เพื่อให้ช่วยบริจาค ซื้อสินค้าเพื่อการกุศล จากองค์กรสาธารณกุศลจริง และองค์กรเถื่อนที่ไม่ทราบว่าการบริจาคนั้นจะเป็นการกุศลหรือ สาธารณประโยชน์จริงหรือไม่


ฝ่ายประชาสัมพันธ์ สำนักบริหารกลาง
กรมสรรพากร

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

Reung-Lao-DD COMMENTS


สวัสดีครับ ทุก ๆ ท่าน......
Reung Lao DD .....เรื่องเล่าดีดี
ขอคำแนะนำ ดีดี ด้วยนะครับ



ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ข้อความเตือนใจสำหรับคนที่เรียนสูง



"คนที่เรียนสูง"
................ใช่ว่า จะเป็นคนที่ดีเสมอไป

"คนที่ดี" ................ก้ใช่ ว่าไม่ถูกใครตำหนิว่าเสมอไป

"คนที่ดี".............ไม่จำเป็นต้อง เป็นคนเรียนสูงเสมอไป

"คนที่เรียนสูง".............ควร ที่จะมีจิตใจที่สูงด้วยถึงจะดี

"คนที่ดี"..........ควร ที่จะมีสติขันติเมตตาและปัญญาด้วยถึงจะดี

"สติ"....................... ตามรู้เท่าทันอารมณ์ตน

"ขันติ"............................. อดทนจนถึงที่สุด

"เมตตา".............. ไม่ทำร้ายตนเองและคนอื่นแม้แต่ด้วยความคิด

"ปัญญา"............... มีอุบายในการดูแลรักษาใจตนให้พ้นจากทุกข์
เราหลีกเหลี่ยงความร้อนและสาฝนด้วยการหลบเข้าร่ม เมื่อมีอารมณ์มากระทบจิต เราต้องรู้จักหลบและตั้งสติ
ที่จะรับมือกับมันอย่างผู้ที่ชนะ ชนะใจตนเอง...........

(ข้อความเตือนใจตัวเอง...จาก...พระมหาประดิษฐ์ จิตฺตสํวโร ฝากไว้เตือนใจทุกคนครับ)


ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

แว่นตาจะใส่ ๆ ถอด ๆ หรือ ใส่แว่นตลอดดี


คนส่วนมากมักเชื่อกันว่า

"ถ้าสายตาสั้นหรือยาวแล้วไม่ใส่แว่นจะทำให้สายตาเสียน้อยลง ซึ่งไม่เป็นความจริง"

สายตาจะสั้นหรือยาวมากขึ้นนั้นขึ้นกับชนิดของสายตาสั้นหรือยาว

ถ้าสายตาสั้นเนื่องจากกรรมพันธุ์ คือ พ่อ แม่ พี่น้องส่วนใหญ่สายตาสั้น
สายตาก็จะสั้นเร็วขึ้นและมากไปเรื่อย ๆ
ไม่ว่าจะสวมแว่นตาประจำหรือใส่ ๆ ถอด ๆ ไม่สามารถป้องกันสายตาสั้นต่อไปได้

แต่ถ้าไม่ใช่สาเหตุจากกรรมพันธุ์ สายตาสั้นนั้นจะคงที่หรือเพิ่มขึ้นช้ามาก
จะสวมแว่นประจำหรือใส่ ๆ ถอด ๆ ก็ไม่ทำให้สายตาเลวลงหรือดีขึ้นแต่อย่างใด

If long or short-sighted and does not include eye glasses will be less. This is not true ".

Eyes will become more long or short depending on the type of short or long sight.

If inheritance is myopic parents, brothers, because most short-sighted.
Will short eyes faster and more steadily.
That will not wear regular glasses or remove any other ใ lj can not continue to prevent myopia.

If not caused by heredity. Myopia will be constant or increasing very slowly.
Will wear regular glasses or put off any other would not make eyes worse or better in any way.


ที่มา หนังสือ ลูกช่างถาม ตอบไม่ได้...อายแย่เลย...!!?

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

กำลังใจดีดีสร้างได้ ด้วยตัวเราเอง ^_^



เราให้กำลังใจตนเองได้
ด้วยการหยุดงานเพื่อพักผ่อนและท่องเที่ยว
มิใช่ทำงานจนต้องหยุดเพื่อรักษาโรค

เราให้กำลังใจตนเองได้
ด้วยการสร้างสรรค์เพื่อท้าทายตนเอง
มิใช่หวังกอบโกยผลงานจนทับถมตนเอง

เราให้กำลังใจตนเองได้
ด้วยการเปลี่ยนไปสู่งานที่เป็นสะพานแห่งความสุข
มิใช่ซึมเซาอยู่กับงานที่เป็นกำแพงแห่งความทุกข์

เราให้กำลังใจตนเองได้
ด้วยการทำงานเพื่อให้งานเป็นถนนไปสู่สิ่งที่เราหวัง
มิใช่ทำให้งานเป็นตรอกแคบๆ ที่เราจะต้องอับจน

เราให้กำลังใจตนเองได้
ด้วยการให้โอกาสตนเองที่จะผิดพลาดได้เสมอ
มิใช่คาดหวังความสุข ความสำเร็จในทุกโอกาส



พอดีไปอ่านเจอจาก mail เลยเอาเล่าให้ฟังครับ...

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ปรัชญาดีดี...อ่านแล้วมีประโยชน์



1.อย่าขับรถเร็วเกินที่เทวดาประจำตัวของคุณบินทันเป็นอันขาด
2. การแก้แค้นไม่ทำให้เรารู้สึกดีขึ้นเหมือนกับดื่มน้ำทะเลเวลาหิวน้ำนั่นแหละ
3. ความหมายของความสุขขึ้นอยู่กับสิ่งที่คุณอยากให้มันเป็น
4."อย่ากลัวความฝันของคุณ: มันง่ายกว่าที่คิด"
5. นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าทุกๆ4 คนจะมีคนหนึ่งที่สติเพี้ยนๆลองเช็คเพื่อนคุณ
สัก3คนสิถ้าทุกคนปกติดีก็คุณน่ะแหละ
6. แบ่งปันรอยยิ้มของคุณให้กับทุกคนแต่ให้เก็บจุมพิตให้กับคนเพียงคนเดียว
7. น้ำตาจะให้คุณก็แค่ความเห็นอกเห็นใจแต่เหงื่อจะทำให้คุณประสบความสำเร็จ
8.สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตนี้ไม่ใช่วัตถุ
9.การออกกำลังกายที่ดีที่สุดสำหรับจิตใจคือการก้มลงแล้วช่วยคนอื่นให้ลุกขึ้น
10. คนๆหนึ่งอาจทำอะไรผิดพลาดได้หลายอย่างแต่มันจะกลายเป็นความพ่ายแพ้ไปจริงๆเมื่อเขาเริ่มโยนความผิดไปให้คนอื่น
11. เรารู้สึกดีที่มีความสำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าก็คือเป็นคนดี
12.มีแต่ปลาตายที่ลอยตามน้ำ
13.คุณค่าของคนๆหนี่งบอกได้จากวิธีที่เขาปฏิบัติต่อคนที่เขาไม่ต้องการ
14. เงยหน้าขึ้นรับแสงตะวันแล้วคุณจะไม่มีวันพบกับเงามืด
15. คนอ่อนแอเท่านั้นที่ให้อภัยใครไม่เป็นการให้อภัยเป็นคุณสมบัติของผู้เข้มแข็ง
16.ในโลกนี้ไม่มีคนแปลกหน้าสำหรับเรามีแต่เพื่อนที่เรายังไม่ได้พบเท่านั้น
17. เมื่อคุณพูดความจริงคุณไม่จำเป็นต้องไปนั่งจำอะไรทั้งนั้น
18. เด็กๆต้องการความรักมากที่สุดเมื่อพวกเขาทำตัวไม่น่ารัก
19.คำว่า listen (ฟัง) นั้นใช้ตัวอักษรชุดเดียวกับคำว่า silent (เงียบ)
20.มีศัตรูร้อยคนไม่น่ากลัวเท่ากับมีมิตรที่ทรยศเพียงคนเดียว

เอามาจาก mail นะครับ..
ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

บทความเตือนใจยาม"ลืมตัว เหมือนวัวลืมตีน"


พอดีไปอ่านเจอมาครับ ดีมากเลย มันเป็นรูปชนะการประกวด ธ.กสิกรไทย เฉลิมพระเกียรติพระเจ้าอยู่หัว แต่ไม่รู้ไปหาจากไหนนะครับ ต้องขออภัยเจ้าของข้อมูลด้วยนะครับ แต่ด้วยความประทับใจในรูป พร้อมกับบทความกำกับรูป ผมก็เลยขอมาแปะเตือนสติไว้ในบล็อคนี้ก็แล้วกันนะครับ

หนึ่งภาพ แทนคำ ล้านคำพูด
หนึ่งใบ ยายพูด พร่ำบอกหลาน
หนึ่งเรียน ให้รู้ จึงอยู่นาน
หนึ่งคน ถึงกาล ย่อมโรยลา
.... อัฐนี้ ยาย อด เจ้าจึงอิ่ม
ยามนี้ เจ้าอิ่ม จงเร่งหา
เรียนนี้ ให้รู้ รอบปัญญา
แต่นี้ ภายหน้า เป็นคนดี......

มันเป็นข้อความที่ผมอ่านแล้วน้ำตาคลอเบ้าเลย ตอนเด็ก ๆ ไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้เลย แต่พอหาเงินเลี้ยงตัวเองแล้ว มันมองถึงแม่ที่ส่งเราเรียน แทบจะอดมื้อกินมื้อเพื่อส่งเราเรียน
ถ้าเริ่มไม่เห็นคุณค่าของเงินก็กลับมาอ่านบทความนี้นะครับ จะได้เตือนสติตัวเองได้ ^_____^

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

เตือนระวัง!! วัยรุ่นฉลองเกินเลย ระวังหมดสวยแถมติดโรคร้าย


ช่วงเทศกาลวาเลนไทน์นั้น พบว่ามีกระแสที่วัยรุ่นจะเลี้ยงฉลอง และบางครั้งเกินเลยไปถึงการกอดจูบและมีเพศสัมพันธ์ เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายแพทย์ประวิตร พิศาลบุตร แพทย์โรคผิวหนัง กล่าวว่า ควรระวังการฉลองวาเลนไทน์ที่ไม่เหมาะสม เพราะส่งผลเสียต่อผิวหนังและยังอาจติดโรคต่างๆ ได้ การจูบทำให้เกิดการติดเชื้อโรคจากน้ำลายได้หลายอย่าง ที่พบบ่อยคือ เริม ซึ่งจะเป็นตุ่มน้ำเจ็บๆ คันๆ ที่ริมฝีปาก ซึ่งเป็นแล้วจะไม่หายขาด
ที่น่าสนใจคือปัจจุบันเชื่อว่าการติดเชื้อเริมที่ริมฝีปากอาจทำให้เกิดโรค สมองเสื่อมที่เรียกว่า อัลไซเมอร์ ทำให้ความจำเสื่อม หลงลืม โดยตรวจพบเชื้อไวรัสเริม (HSV-1) ในสมองของผู้ป่วยโรคนี้ การจูบยังทำให้ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ไข้หวัด ไข้หวัดใหญ่ โรคติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน ส่วนการมีเพศสัมพันธ์ทำให้เกิดโรคติดเชื้อและมีอาการทางผิวหนังได้ เช่น เป็นซิฟิลิสระยะที่สอง แล้วมีผื่นขึ้นทั่วตัวและมีผมร่วง ติดหิดทำให้มีตุ่มคันคะเยอทั้งตัว ติดเหาทำให้คันศีรษะ และติดเชื้อโลน ซึ่งจะมีอาการคันที่อวัยวะเพศ และหัวเหน่าอย่างมาก
ที่สำคัญคือการติดเชื้อเอชไอวีทำให้เป็นเอดส์ พบว่าร้อยละ 84 ของผู้ป่วยเอดส์ติดเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์ และร้อยละ 40 ของผู้ป่วยอยู่ในช่วงอายุระหว่าง 20–29 ปีซึ่งแสดงว่ามีการรับเชื้อเอชไอวีตั้งแต่ยังเป็นวัยรุ่น โรคผิวหนังที่พบในผู้ติดเชื้อเอดส์ เช่น ผื่นเห่อแดงคันที่ใบหน้า งูสวัด เริม หูด หูดข้าวสุก หูดหงอนไก่ ตุ่มหนองพุพอง แผลในปาก ผมร่วง นอกจากนั้นการนิยมมอบช็อคโกแลตให้คนรักในช่วงเทศกาลนี้อาจทำให้สิวเห่อ เพราะขนมหวานที่มีน้ำตาลและนมทำให้สิวเห่อได้ ส่วนการฉลองด้วยการดื่มแอลกอฮอลล์ทำให้เปลือกตาบวม ผิวพรรณซีด เหี่ยวแห้ง และโรคสะเก็ดเงินกำเริบ



ดังนั้นวัยรุ่นควรฉลองอย่าเกินเลย ทำแต่พอเหมาะ ระวังหมดสวยแถมติดโรคร้ายนะครับ...
ข่าวจาก มติชน ออนไลน์

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ระวัง!! เติมน้ำมันลงจากรถอย่าลืมล๊อครถทุกครั้ง


สมัยนี้ภัยอันตรายต่างๆ มีอยู่รอบๆ ตัวเรา ระวัง! คุณอาจเป็นรายต่อไปก็ได้ ทางที่ดีควรระแวดระวังภัยอยู่ตลอดเวลา เนื่องจากระยะหลังมานี้มีเรื่องราวร้ายๆ เกิดขึ้นบ่อยๆ ซึ่งผู้อ่านควรรับรู้...และนี่เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งที่ย้ำเตือนไว้เป็นอุทาหรณ์...
มีเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งไปเติมน้ำมัน ตอนที่รูดเครดิตการ์ดเสร็จแล้วและกำลังจะออกจากปั๊ม ก็มีพนักงานคนหนึ่งเดินมาบอกว่า การ์ดที่รูดไปมีปัญหาให้เธอรีบลงจากรถ และเข้าไปคุยกับเจ้าหน้าที่ของปั๊มด้วย
เพื่อนคนนี้ก็งงมาก เพราะคิดว่าตามปกติ ถ้ารูดบัตรไม่ผ่านเครื่องจะไม่ออกสลิปให้ แต่นี่ก็ได้สลิปแล้ว จึงเอาสลิปให้พนักงานคนนั้นดูเพื่อยืนยันการจ่าย และบอกว่ามีธุระต้องรีบไป แต่พนักงานคนนั้นก็ยังยืนยันว่าเธอต้องไปคุยกับเจ้าหน้าที่อยู่ดี (พูดประมาณว่าจะลงไปคุยดีๆ หรือเปล่า)
สุดท้ายเพื่อนก็จำใจลงจากรถ เมื่อเข้าไปในสำนักงานได้ก็โวยใหญ่เลยว่าจ่ายตังค์แล้ว และพนักงานที่ไปเชิญเขาลงจากรถก็พูดกับเขาไม่ดีด้วย เจ้าหน้าที่ต้องรีบบอกให้เธอใจเย็นๆ และฟังเหตุผลของทางปั๊มก่อน
ทางปั๊มบอกว่า ตอนที่เติมน้ำมันรถเธออยู่เห็นผู้ชายคนหนึ่ง แอบเปิดประตูเข้าไปนั่งอยู่ข้างหลังเบาะด้านคนขับ ทางปั๊มเห็นว่าผิดสังเกตว่าไม่น่าจะเป็นคนที่มาด้วยกัน จึงโทรแจ้งตำรวจให้และอยากให้เธอออกจากรถก่อน เพื่อความปลอดภัย พอได้ยินแบบนั้นเพื่อนก็ตกใจมาก รีบหันกลับไปดูรถตัวเองทันที จังหวะนั้นก็ทันเห็นผู้ชายคนหนึ่ง กำลังเปิดประตูและลงจากรถตัวเองอยู่พอดี
ภายหลังทราบว่า พวกนี้เป็นหนึ่งในรูปแบบของอาชญากรรมแนวใหม่ คือเป็นพวกค้าชิ้นส่วนอวัยวะของผู้หญิง โดยจะแอบปีนเข้าไปตอนที่คนขับรถซึ่งเป็นผู้หญิง เอารถแวะเข้าเติมน้ำมันหรือแวะจอดซึ้อของตามร้านข้างทาง หรือตามห้างสรรพสินค้า
วิธีการก็คือพวกนี้จะตัดเอ็นข้อเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เหยื่อหนีจากนั้นจะขับรถของเหยื่อ เพื่อพาเหยื่อไปฆ่า และชำแหละอวัยวะออกเป็นส่วนๆ

ข้อควรระวัง
1. ให้ล็อครถทุกครั้งที่ต้องลงจากรถ แม้ว่าจะเป็นการแวะลงไปทำธุระหรือซื้อของเพียงแค่ไม่กี่นาที
2. สำรวจหาบุคคลแปลกปลอมใต้ท้องรถ และเบาะด้านหลังทุกครั้งก่อนกลับขึ้นรถ
3. หมั่นสังเกตพฤติกรรมของคนรอบข้างอยู่เสมอเมื่อออกนอกบ้าน โดยเฉพาะเมื่อต้องไปไหนในเวลากลางคืน

ข้อมูลจาก Forward Mail

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

สิ่งที่ไม่ควรทำ ถ้าทำจะแย่มาก ๆ

วันนี้ไปเปิดอ่าน เจอกลอนดีดี มากฝากครับ...




อย่าไปข้ามคนล้ม
อย่าไปข่มคนรู้ อย่าไปขู่คนกล้า
อย่าไปท้าคนพาล อย่าไปวานคนร้าย
อย่าไปขายคนรัก อย่าไปทักคนรีบ
อย่าไปบีบคนบอบ อย่าไปชอบคนชั่ว
อย่าไปยั่วคนดี อย่าไปตีคนตาย

จากป้ายคติสอนใจ วัดถ้ำทะลุ อ.บันนังสตา จ.ยะลา

ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com

ภัยตู้ATM "ดึงข้อมูลต้องระวัง"!!


ผมได้รายงานข่าวจากธนาคารพาณิชย์เปิดเผยว่า ชมรมธุรกิจบริการ ATM แจ้งเตือนสมาชิกทุกธนาคารให้เพิ่มความระมัดระวังการทุจริตผ่านระบบ ATM ด้วยวิธีการที่เรียกว่า Skimming ซึ่งสามารถทำได้หลายวิธีการ เช่น การติดตั้งอุปกรณ์หรือแป้นกดรหัสมาวางทับแป้นจริง หรือการสอดอุปกรณ์ที่ช่องเสียบบัตร ATM โดยทั้ง 2 วิธีเพื่อบันทึกข้อมูลบนบัตรพร้อมรหัสไปผลิตบัตรใหม่ แล้ว สามารถทำการถอนเงินจากบัญชีลูกค้าจนหมดได้

อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็วๆ นี้ชมรมธุรกิจบริการ ATM ได้เรียกสมาชิกเพื่อหาวิธีการป้องกันและแจ้งเตือนลูกค้าธนาคาร หลังจากเจ้าหน้าที่ธนาคารกรุงศรีอยุธยา สาขา อ.กระทู้ จ.ภูเก็ตตรวจพบความผิดปกติดังกล่าวบนแป้นกดรหัส ATM ล่าสุด ธนาคารกรุงศรีอยุธยาได้ส่งหนังสือเวียนไปยังสาขาธนาคารทุกแห่งให้ระมัดระวังเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยนาง เยาวลักษณ์ พูลทอง ประธานคณะเจ้าหน้าที่ด้านการสื่อสารองค์กรและนักลงทุนสัมพันธ์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ยอมรับว่า เจ้าหน้าที่ของธนาคารได้ตรวจพบความผิดปกติดังกล่าวที่ อ.กระทู้ จ.ภูเก็ต แต่ ลูกค้าธนาคารหรือลูกค้าบัตร ATM ธนาคารอื่นที่มาใช้ตู้ ATM ของธนาคารไม่ได้รับความเสียหายจากการพยายามทำทุจริตดังกล่าว เนื่องจากได้ทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องเกี่ยวกับกรณี พยายามทุจริต

"ธนาคารพบคือการนำแป้นกดรหัสปลอมมาวางทับบนแป้นกดรหัสของเครื่อง ATM อีกชั้นหนึ่ง และนำอุปกรณ์ที่หน้าตาเหมือนช่องเสียบบัตร ATM มาติดทับบนช่องสอดบัตรของเครื่องเอทีเอ็ม"

นางเยาวลักษณ์ ระบุ ขณะเดียวกัน ธนาคารยังได้ป้องกันการทุจริตและลูกค้าธนาคาร โดยแจ้งเรื่องนี้ให้ชมรมธุรกิจบริการ ATM ซึ่งมีธนาคารทุกแห่งเป็นสมาชิกได้ทราบ เพื่อร่วมกัน

ป้องกันการกระทำดังกล่าว โดยในเบื้องต้นจะช่วยกันดูแลตู้บริเวณใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ในส่วนของธนาคารเอง ได้จัดทำหน้าจอเพิ่มอีก 1 ขั้นตอนเป็นการเตือนลูกค้าก่อนที่จะใส่รหัส ATM โดยให้ใช้มือบังเมื่อกดแป้นรหัสเพื่อป้องกันผู้อื่นเห็นรหัส ATM และสำหรับเรื่องนี้ได้มีการเตรียมการจัดทำ Sticker เพื่อติดที่เครื่อง ATM ทุกเครื่อง เพื่อเป็นการเตือนลูกค้าอีกด้วย ทั้งนี้ปัจจุบัน ธนาคารมีตู้ ATM จำนวน 2,800 ตู้

แหล่งข่าวจากธนาคารกสิกรไทย (KBANK) ระบุว่า ขณะนี้ธนาคารเร่งปรับปรุงหน้าจอ ATM ของธนาคารเพื่อแจ้งเตือนลูกค้าเกี่ยวกับพฤติกรรมการทุจริตดังกล่าว ซึ่งปัจจุบันธนาคารมีตู้

ATM จำนวน 3,500 ตู้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หนังสือเวียนที่ชมรมธุรกิจบริการ ATM มีถึงพนักงานระบุว่า เนื่องจากปัจจุบันได้มีกลุ่มมิจฉาชีพได้ติดตั้งเครื่องอ่านข้อมูลจากบัตร ATM และที่แป้นกดรหัสหรือที่เรียกกันว่า ATM Skimming ในหลายๆ พื้นที่ ซึ่งเมื่อท่านทำรายการที่ตู้ดังกล่าวแล้ว คนร้ายสามารถนำข้อมูลบนบัตรพร้อมรหัสไปผลิตบัตรใหม่ แล้วสามารถทำการถอนเงินจากบัญชีจน หมดได้

ดังนั้น ก่อนทำรายการใด รบกวนท่านสังเกตความผิดปกติของตู้ ATM ด้วยว่าแป้นกดมีลักษณะไม่น่าไว้วางใจ เช่น เป็นกล่องนูนขึ้นมาอย่างผิดสังเกต หรือที่ช่องรับบัตรมีความผิดปกติของ อุปกรณ์ เช่น สีเพี้ยน หรือลักษณะเหมือนมีอะไรมาแปะติดเพิ่ม นอกจากนี้ หากท่านพบเห็นตู้ของเรามีลักษณะผิดปกติ ขอความกรุณาแจ้งผู้จัดการสาขา หรือผู้จัดการบริการลูกค้า (Counter Bank) หรือโทร. 08-1649-9819 ได้นอกเวลาทำงาน เพื่อจะได้ประสานงานกับผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป พร้อมกันนี้ ในหนังสือเวียนยังได้แนะนำข้อควรระวัง โดยให้หลีกเลี่ยงการใช้บริการตู้ ATM ที่ติดตั้งในจุดที่เปลี่ยว มืด เพราะคน'

เพราะคนร้ายสามารถ ติดตั้งอุปกรณ์ดังกล่าวได้ง่าย

จากเวป : http://www.fwdder.com/


ติดตามเรื่องเล่าดีดี...จาก http://reung-lao-dd.blogspot.com